วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

พว. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดเสวนา ยุบกระทรวงศึกษาธิการ



เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2567 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
จัดงานเสวนาเรื่อง “ประสิทธิภาพประสิทธิผลในการบริหารจัดการศึกษาให้เด็กไทยทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก” ณ ห้อง 201 อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาคือ

  1. ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
  2. นายเสน่ห์ ขาวโต อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
  3. ดร.ดนัย เทียนพุฒ นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ
  4. ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีบีซี กรุ๊ป จำกัด
  5. อาจารย์ชาตรี ลดาลลิตสกุล หัวหน้าทีมออกแบบอาคารรัฐสภา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์
  6. ดร.วีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
  7. ผศ.ดร.ผดุง พรมมูล ที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
  8. ดร.สมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
  9. นายสมเกียรติ ผ่องจิต ผู้อำนวยการโรงเรียนโยธินบูรณะ
    10.นางสาวนงกรานต์ บรรเจิดธีรกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมดุสิตาราม
    11.ผศ.พิชญ์สินี พุทธิทวีศรี อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    12.ผศ.ดร.ศุภศิริ บุญประเวศ ประธานหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาและการสื่อสาร
    คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จากการจัดกิจกรรมเสวนาในครั้งที่ผ่านมา (22 เมษายน 2567) ได้มีข้อเสนอแนะและข้อสรุป ให้ ยุบกระทรวงศึกษาธิการ ด้วย “การปรับเปลี่ยนบทบาทของกระทรวงฯ” ให้ 1) การมุ่งเน้นการให้บริการ 2) ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึง 3) ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร เพื่อให้สามารถบริหารจัดการองค์กรให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่จัดการศึกษา ปัญหาที่เกิดขึ้นอีกประการหนึ่งคือ การเชื่อมโยงการศึกษาซึ่งปัจจุบันขาดองค์กรด้านนี้ทำให้พบว่าต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ อาจมีการตั้งสำนักงานภาค สภาการศึกษาจังหวัด “การสร้าง และขับเคลื่อนแนวทางต่างๆร่วมกัน” เพื่อให้ผู้เรียนที่อยากเรียนได้เรียนในสิ่งที่ตนเองต้องการ รวมทั้งต้องหาแนวทางต่างๆเพื่อ “ลดภาระของผู้ปกครอง/ครู” โดยการเสวนาในวันนี้ (28 พฤษภาคม 2567) ได้มีการต่อยอดแนวคิดดังกล่าวสู่การเสวนาเพื่อนำไปสู่ประสิทธิภาพประสิทธิผลในการบริหารจัดการศึกษาให้เด็กไทยทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยมีแนวทางคือ

1.ด้านโครงสร้างการบริหารจัดการ
1.1ออกแบบ/ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อให้คนในพื้นที่ได้เห็นว่า การศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญ
1.2สร้าง “สถาบันการบริหารหลักสูตรและจัดการเรียนรู้”ให้มุ่งเน้นการสอน “วิธีการคิด” และ “การคิดเชิงตรรกะ” (Logic) ให้มากขึ้น

2.ด้านการออกแบบการเรียนรู้
2.1ประยุกต์แนวทางทางธุรกิจสู่การพัฒนาคนทางการศึกษา เรียนรู้แนวทางการพัฒนาคนจากภาคธุรกิจเพื่อนำมาสู่การพัฒนาการศึกษาด้วยแนวทางที่หลากหลาย
2.2ทบทวนสมรรถนะที่ต้องมีในผู้เรียนปัจจุบันเพื่อให้สามารถพัฒนาคนสู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างแท้จริง
2.3ออกแบบการเรียนรู้/พัฒนาผู้เรียนเฉพาะทางให้เหมาะสมกับผู้เรียนรายบุคคล
2.4สร้างความร่วมมือ ของผู้ปกครอง ครู นักเรียน ถ้าผู้ปกครองมองเห็นเป้าหมายชัด
2.5การประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน ควรใช้นวัตกรรม/ผลงานของผู้เรียนเป็นหลัก

3.ด้านการบริหารงานบุคคล
3.1พัฒนาครูให้สามารถโลกที่เปลี่ยนแปลง ครูต้องสามารถจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย
3.2การขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ควรใช้ผลงานของผู้เรียนเป็นหลัก มากกว่าการทำเอกสารต่างๆ
3.3การจูงใจคนเก่งเข้าสู่วิชาชีพครู ซึ่งต้องการพื้นที่ในการได้คิดได้ทำในแนวทางให้เหมาะสม

บทสรุป (Conclusion)
การบริหารจัดการศึกษาให้เด็กไทยทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกต้องเริ่มจากการทบทวนสภาพจริงที่เกิดขึ้นของประเทศและการจัดการศึกษา โดยผู้กำหนดนโยบาย/ผู้บริหารจะต้องเข้าใจสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นและสภาพการณ์แข่งขันของประเทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงเป็นผู้รู้ทฤษฎีและนำไปใช้ ต่อมาควรเรียนรู้ทิศทางสภาพการณ์ของโลก การจัดการศึกษาของต่างประเทศ/แนวทางการพัฒนาคนในภาคธุรกิจเพื่อให้สามารถพัฒนาผู้เรียนได้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง ท้ายสุดแนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการศึกษาให้สามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายคือเด็กไทยทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนั้น ต้องปรับโครงสร้าง สร้างการเชื่อมโยง ประยุกต์แนวทางทางธุรกิจ และทบทวนสมรรถนะที่ต้องมีในผู้เรียนปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือไปจากนโยบาย/แนวทางที่ดี คือ “ศักยภาพครู”ที่จะพัฒนาผู้เรียน (วิชาชีพ / วิชาชีวิต) ให้มีความสามารถ มีประสิทธิภาพ และสามารถต่อยอดความรู้สู่การใช้ชีวิตภายใต้โลกที่เปลี่ยนแปลงได้

 

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ยกล้านนามาไว้กรุงเทพฯ “เรือนภรณ์ภักดี” สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สืบสานวัฒนธรรมภาคเหนือ

 

ได้ฤกษ์ดี 19 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งเช็คอินแห่งใหม่ที่มีกลิ่นไอสไตล์ล้านนา สำหรับ “เรือนภรณ์ภักดี” ที่ได้จัดงาน “ร่วมสร้างประสบการณ์ ชิม ชม เรือนไทย กลิ่นไอล้านนา ณ เรือนภรณ์ภักดี” เปิดเรือนไทยหลังใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงามสมบูรณ์แบบล้านนาโดยเฉพาะ ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศทุกเพศทุกวัยเข้าชม อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ โดยไม่ต้องเดินทางไกลเพราะยกมาไว้ที่กรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก “คุณโชติกา อัครกิจโสภากุล” รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมมาร่วมเป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วย  “คุณอภิรัตน์ ทวีทรัพย์” รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีนักแสดงน้องใหม่ “บูม-ปัณณธร ปวรภูบดินทร์” จากซีรีส์เรื่อง “The Love Matter ติวเตอร์ติวรัก” จากบริษัท เดอะริช วาย ยู กรุ๊ป จำกัด ร่วมชมบรรยากาศอันร่มรื่นสวยงามของสวนและเรือนไทยภาคเหนือ ชิมอาหารที่เสิร์ฟแบบขันโตกด้วยเมนูหลากหลายอย่าง อาทิ น้ำพริกอ่อง ต้มข่าไก่ กุ้งผัดขี้เมา ขนมไทย ผลไม้แกะสลัก

บรรยากาศภายในงานยังได้มีการสาธิตศิลปวัฒนธรรมสี่ภาค อาทิ การทำขนมครก ไอศกรีมโบราณ การทอผ้า การทำเครื่องหอมโบราณ นวดแผนไทย รวมถึงการละเล่นพื้นบ้าน การแสดงครบทั้งสี่ภาค ฯลฯ “เรือนภรณ์ภักดี” นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของประเทศไทย และยังเป็นการสร้างงานและสร้างอาชีพให้กับชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังสามารถรองรับการจัดงานมงคลและงานอีเวนต์ต่างๆ ได้อีกด้วย ร่วมสัมผัสประสบการณ์ได้ ณ เรือนภรณ์ภักดี ทุกวันอาทิตย์ 16.00-20.00 น. ข้อมูลเพิ่มเติมที่ Facebook : เรือนภรณ์ภักดี


วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ร่วมลงนามกับ บริษัท เค.เอ็ม.พี.ไบโอเทค ในสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีและอนุญาตให้ใช้สิทธิและถ่ายทอดเทคโนโลยีโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย เพื่อต่อยอดทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

บริษัท เค.เอ็ม.พี.ไบโอเทค จำกัด ย้ำจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านการผลิตโพรไบโอติกสำหรับคนและสัตว์ เพื่อต่อยอดทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ร่วมลงนามกับคณะแพทยศาสตร์และสถาบันยุทธศาสตร์ทางปัญญาและวิจัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและอนุญาตให้ใช้สิทธิ “ผลงานจุลินทรีย์โพรไบโอติก 5 สายพันธุ์” ได้แก่ Lactobacillus paracasei MSMC 39-1, Lactobacillus reuteri TF314, Bifidobacterium animalis TA-1, Lactobacillus gasseri TM1, Lactobacillus johnsonii TA7 
 ในวันที่ 14 พ.ค.2567 ที่มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ ประสานมิตร ซึ่งโพรไบโอติกดังกล่าว เป็นโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่ถูกค้นพบ วิจัยและพัฒนาโดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ นักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มศว ซึ่งปัจจุบันมีผลงานวิจัยมากมายที่พบว่าโพรไบโอติกช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ลดไขมันสะสมที่ตับ ลดน้ำตาล ลดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย รวมถึงลดปัญหาลำไส้รั่ว ช่วยสร้างสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้เช่น โรคลำไส้แปรปรวน ท้องอืด อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อนและโรค NCDs ต่างๆเช่น โรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคอ้วน โรคไขมันพอกตับ ซึ่งทางนักวิจัยคาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้มีส่วนช่วยในการลดการนำเข้าโพรไบโอติกจากต่างประเทศ อีกทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการพึ่งพาตนเองด้านการผลิตโพรไบโอติกของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
น.สพ.ไพรัช ธิติศักดิ์ ประธานบริษัท เค.เอ็ม.พี.ไบโอเทค จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการผลักดันโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่มีผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาต่อยอดทางธุรกิจในเชิงพาณิชย์ ซึ่งทางบริษัทฯ เห็นว่าโพรไบโอติกของมศว ทั้ง 5 สายพันธุ์มีผลงานวิจัยมากมายและมีศักยภาพในการต่อยอดและผลักดันสู่ตลาดทั้งคนและสัตว์ได้ จึงเกิดความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวครอบคลุมทั้งการผลิตวัตถุดิบ ต่างๆ ได้แก่ 1.โพรไบโอติก (Probiotics) 2.Heat Killed Probiotics 3.โพสไบโอติก(Postbiotics) เพื่อจำหน่ายให้กับโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทได้มีการวางแผนการผลิตสินค้าสำเร็จรูปสำหรับคนและสัตว์ จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศต่อไปภายในปี 2567 นี้

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ควงคู่ กูร์กูร์ ชิคเก้นท์ จัดเต็มความอร่อยซ่าสุดคุ้ม กับแคมเปญ “GUGU x Pepsi Zazap ซ่าไปกับเป๊ปซี่ แซ่บไปกับกูร์กูร์”


กรุงเทพฯ 14 พฤษภาคม 2567 – บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ร่วมฉลองโอกาสพิเศษครบรอบ 4 ปี             ของ กูร์กูร์ ชิคเก้นท์ (GUGU Chicken) แบรนด์ไก่ทอดเกาหลีสุดฮิต ด้วยแคมเปญ “GUGU x Pepsi Zazap      ซ่าไปกับเป๊ปซี่ แซ่บไปกับ กูร์กูร์ ชวนจับคู่ไก่ทอด กูร์กูร์ กับเครื่องดื่มเป๊ปซี่ เพิ่มความอร่อยคูณสองเพียงเลือกซื้อเซตโปรโมชัน รับไปเลยไก่ทอด 5 ชิ้น ที่มีให้เลือกถึง 8 รสชาติ พร้อมซ่าสดชื่นไปกับเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในแก้วคอลเล็กชันพิเศษขนาด 22 ออนซ์ โดยเลือกได้ทั้งเครื่องดื่มเป๊ปซี่ หรือเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาล ในราคาสุดคุ้มเพียง 199 บาท เท่านั้น       อร่อยฟินได้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2567 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) ที่ กูร์กูร์ ชิคเก้นท์ (GUGU Chicken) ทุกสาขา

 

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มุ่งสร้างความสำเร็จร่วมกับคู่ค้าภายใต้แนวคิด Win With Customers โดยวางกลยุทธ์การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำมากมาย พร้อมเดินหน้าขยายฐานคู่ค้าทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) เครือข่ายร้านอาหาร และช่องทาง E-commerce เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น พร้อมก้าวสู่การเป็น บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทยโดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง (the Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity)

 

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมกิจกรรม “เวียนเทียนออนไลน์” เนื่องในวันวิสาขบูชา ตั้งแต่วันที่ 20 - 24 พฤษภาคม 2567 ที่ www.เวียนเทียนออนไลน์.com

 
 
 เนื่องในสัปดาห์พุทธศาสนา วันวิสาขบูชา NextGen Solution, KAAB House (ค๊าปเฮาท์) และกลุ่มบริษัทเซิร์ช โดยมีพระมหา ดร.ณัฐพงษ์ นาคถ้ำ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายสงฆ์ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรม ในโครงการสัปดาห์พุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชา ตั้งแต่วันที่ 20 - 24 พฤษภาคม 2567 ที่ www.เวียนเทียนออนไลน์.com เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีสำคัญทางพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปทำกิจกรรมที่วัด ให้ร่วมทำบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ได้

วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Young One ดันโปรเจคยักษ์ อาณาจักรนักขาย เปิดตัว BOSS ห้างแตก! เคนโด้กุมบังเหียน CEO ดึง อาย วราไพรินทร์ พรีเซนเตอร์ สร้างรายได้ออนไลน์ วางเป้า100ล้าน

 


Young One  ดันโปรเจคยักษ์ อาณาจักรนักขาย เปิดตัว BOSS ห้างแตก! เคนโด้กุมบังเหียน CEO  ดึง อาย วราไพรินทร์ พรีเซนเตอร์ สร้างรายได้ออนไลน์ วางเป้า100ล้าน 

พูดถึง Young One อาจจะเป็นบริษัทใหม่ในวงการ แต่ประสบการณ์นั้นไม่ใหม่เลย คุณเคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ผู้ประกาศข่าว พิธีกรประสบการณ์ในวงการ25ปี   คุนเคนโด้ คร่ำหวอดในวงการธุรกิจตัวแทนจำหน่ายมากว่า 15 ปี เป็นที่ปรึกษาบริษัทยักษ์ใหญ่มาหลายที่ และยังได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนว่าเป็นมือปราบแชร์ลูกโซ่ จึงรวบรวมประสบการณ์ทั้งหมดรวมทั้งบุคลากรหัวกะทิของวงการเพื่อเปิดบริษัท Young One Global จำกัด ขึ้น 

   


  คุณเคนโด้เองนั้นมีความเชื่อในธุรกิจออนไลน์และการให้โอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการความสำเร็จ  จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบการดูแลนักขายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น บุคลิกภาพ แนวคิด วิธีการที่จะนำนักขายไปสู่ความสำเร็จด้วยการออกแบบคอร์สสร้างนักขาย  One Startup 10 Step สร้างรายได้ออนไลน์ ในส่วนของแนวทางที่กล่าวมา Young One เราต้องการเป็นหนึ่งในการสร้างอาณาจักรนักขายและเป็นดินแดน แห่งการให้โอกาส ภายใต้แกนนำของ CEO เคนโด้ ที่มีความเชื่อมั่นในระบบของYoung One ที่จะพัฒนาตัวแทนเพื่อนำไปสู่การสร้างนักขายมืออาชีพ เพื่อนำพาคนไทยเข้าสู่การตลาดดิจิทัลอย่างแท้จริง 


วันนี้Young One ได้รับการยอมรับในวงการธุรกิจตัวแทนจำหน่ายที่มาแรงที่สุด มีหุ้นส่วนบริษัทหรือ BOSS ทุกภาคของประเทศไทยในการกระจายสินค้าและสร้างตัวแทนจำหน่าย จากวันเปิดตัว BOSS เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 มีผู้นำและผู้ที่สนใจมาร่วมงาน กันอย่างคับคั่งเรียกว่าห้างแตกกันเลยทีเดียว การเปิดตัว Boss ในครั้งนี้บริษัทต้องการสร้างบุคลากรให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป เราให้ความสำคัญกับตัวบุคคลเหนือสิ่งอื่นใด และเราก็ยังมีเป้าหมายสร้างรายได้ให้กับบอสและตัวแทนจำหน่าย 100 ล้านบาทในสิ้นปี 2567 

พร้อมกับเปิดตัว Brand Ambassador สินค้า One Super serum เซรั่มหน้าฉ่ำวาว คุณ อาย วราไพรินทร์ ธนวริสพร  นักแสดง นักธุรกิจชื่อดัง ทายาทธุรกิจพันล้าน และยังมีบทบาทเป็นแกนนำเรียกร้องความยุติธรรมให้เหยื่อแชร์Forex3d จนสามารถช่วยผู้คนได้นับหมื่นคน คุณอายให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลที่รับงานนี้คือ ได้ใช้One Super Serum แล้วประทับใจในผลลัพท์ที่ได้ผลจริง หน้าฉ่ำวาวอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งประทับใจในตัว CEO คุณเคนโด้ที่สร้างองค์กรYoung One ขึ้นมาเพื่อช่วยคนให้มีรายได้ด้วยระบบออนไลน์ จึงตัดสินใจรับเป็น Brand Ambassador ให้กับ One Super Serum เธอยังบอกด้วยว่าไม่ใช่แค่มาเป็น Brand Ambassador แต่ยังจะมีส่วนร่วมช่วยคนไทยให้มีรายได้อีกด้วย 

 


 ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่เป็นก้าวสำคัญของYoung One ที่กำลังจะสร้างตำนานบทใหม่ในวงการนักขายออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ที่แข็งแรง ผู้บริหารที่เป็นตัวจริงในวงการ แล้วใครกันจะกล้าปฎิเสธโอกาสในครั้งนี้  เป้าหมายของ Young One เราต้องการเป็นเบอร์1ในตลาดออนไลน์ ด้วยบุคลากร ผู้นำ สินค้าที่ดีที่สุด มั่นใจได้เลยว่า Young One จะขึ้นอันดับ1 ธุรกิจออนไลน์ได้อย่างแน่นอน  และที่สำคัญ เรามีโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ  มีนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นตัวจริงในวงการ และเป็นผู้นำด้านการผลิตสินค้า และเครื่องสำอาง 

ด้วยประสบการณ์โรงงานด้านการผลิตมากว่า 10 ปี  เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม จำนวนมาก  ที่ได้มาตรฐานการผลิต  GMP, HACCP, HALAL ,ISO22716:2007 พร้อมทั้งได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย (FDA) ควบคุมคุณภาพการผลิตทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล โอกาสครั้งสำคัญมาถึงแล้วร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ อาณาจักรนักขาย กับ Young One เพื่อสร้างรายได้อย่างไร้ขีดจำกัด 

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

DITP จับมือ 2 ยักษ์ใหญ่ภาคเอกชน เตรียมจัด “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024” เปิดเวทีเจรจาธุรกิจด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งเป้ามูลค่าสั่งซื้อทะลุแสนล้าน

 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี ประกาศจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024” ในวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด Beyond Food Experience ที่เป็นมากกว่างานแสดงสินค้าอาหาร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ซูเปอร์สโตร์ ร้านอาหาร และผู้ที่กำลังมองหาไอเดียในการทำธุรกิจ ได้มาค้นหาคู่ค้า และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมอัปเดตเทรนด์สินค้า และแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค เพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น เปิดเจรจาธุรกิจทั้ง 5 วัน และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้าได้ในวันสุดท้ายของการจัดงาน

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกของไทย โดยในปี 2566 การส่งออกสินค้าอาหาร ขยายตัว 2.7% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 39892.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท สำหรับปี 2567 คาดว่าการส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40690.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ที่ฟื้นตัวตามภาคบริการและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนที่เป็นผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง จึงทำให้ความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มมากขึ้น

“THAIFEX – ANUGA ASIA จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพราะเป็นเวทีการค้าระดับโลกที่จะสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ งานนี้นอกจากจะเน้นย้ำให้ทั่วโลกเห็นศักยภาพของไทยในฐานะผู้นำในการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ตามนโยบาย ครัวไทยสู่ครัวโลกของกระทรวงพาณิชย์ แล้วยังรวบรวมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารจากทั่วโลก ที่ดำเนินธุรกิจตามหลักสากล มุ่งเน้นความยั่งยืน ตลอดจนปฏิบัติตามหลักมาตรฐานแรงงาน มาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงานกว่า 3 ทศวรรษ งานนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงการอาหารและเครื่องดื่มของโลก จนกล่าวได้ว่าเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคเอเชีย” นายภูสิต กล่าว
สำหรับ THAIFEX – ANUGA ASIA ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวมกว่า 3000 บริษัท มากกว่า 6000 คูหา จาก 50 ประเทศ และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอดทั้ง 5 วัน เป็นจำนวน 80000 ราย จากทั่วโลก ประมาณการมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าจากงานปีนี้รวมกว่า 100000 ล้านบาท

ภายในงานจะรวบรวมสินค้ามาจัดแสดงอย่างครบครัน แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ ชาและกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป บริการด้านอาหาร เทคโนโลยี อาหารแช่แข็ง ผักและผลไม้ เนื้อ ข้าว อาหารทะเล ขนมและของขบเคี้ยว
นอกจากนี้ ยังเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ร่วมงาน ด้วยพื้นที่แสดงสินค้าพิเศษ 6 โซน ได้แก่ THAIFEX – ANUGA Future Food Market THAIFEX – ANUGA Halal Market THAIFEX – ANUGA Organic Market THAIFEX – ANUGA Startup THAIFEX – ANUGA tasteInnovation Show และ THAIFEX – ANUGA Trend Zone และยังมีนิทรรศการ อาทิ Thai SELECT Pavilion รวมทั้งการเสวนาให้ความรู้ และกิจกรรมเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ เป็นต้น

“กิจกรรมที่จัดขึ้นจะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ อาทิ เทรนด์อาหารในปัจจุบัน ความต้องการของผู้บริโภค และความเคลื่อนไหวของตลาด เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อต่อยอด สู่ความสำเร็จที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในอนาคต” นายภูสิต กล่าว
ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปี 2566 ประเทศไทยเป็น ผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 12 ของโลก ปรับตัวจากอันดับที่ 15 ในปี 2565 ซึ่งงาน THAIFEX – ANUGA ASIA นับเป็นแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จ และมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทย ทั้งที่เป็นรายใหญ่ เอสเอ็มอี สตาร์ตอัป ที่จะมีโอกาสได้นำสินค้าเข้าสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ งานนี้ยังติดอันดับงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมอาหารอันดับที่ 4 ของโลกอีกด้วย
“THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 มีไฮไลต์ที่น่าสนใจกว่าทุกปี โดยเฉพาะนวัตกรรมอาหาร ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแส แต่จะเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ทุกคนเริ่มหันมาใช้อย่างจริงจัง” ดร.กฤษณะ กล่าว ตัวอย่างไฮไลต์ที่จะนำมาจัดแสดงในปีนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่ช่วยลดคาร์บอน เช่น ชีสที่ทำจากถั่วเหลืองออร์แกนิกที่ลดการปล่อย CO2 ถึง 80% นมโอ๊ตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก และถุงมือ food grade จากธรรมชาติที่มีการจัดการอย่างรับผิดชอบ ถูกต้องตามหลักการ เป็นที่ยอมรับในสากล และยังมีผลิตภัณฑ์ที่ลดการเกิดขยะจากอาหาร เช่น ขนมที่ทำจากเศษกล้วยจากกระบวนการผลิตกล้วยทอด รองเท้าบูธที่รีไซเคิลจากฟิล์มถนอมอาหารที่เกิดจากการคัดแยกพลาสติกเหลือทิ้ง ปุ๋ยอินทรีย์ที่ที่ผลิตจากเปลือกทุเรียนเหลือทิ้ง นมจากผงและเมล็ดที่แตกของมะม่วงหิมพานต์ และผลิตภัณฑ์จากเมล็ดมะขามที่เป็นวัสดุเหลือทิ้ง ที่สามารถนำไปประกอบในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เจลลี และแยม
นอกจากนี้ ยังมีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนของโลก เช่น บรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์ด้วยหมึกถั่วเหลืองที่ย่อยสลายได้ 100% และปลอดภัยต่อสุขภาพ ถุงชีวภาพจากแป้งข้าวโพดและแป้งมันสำปะหลังที่ย่อยสลายได้ 100% และบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่สามารถย่อยสลายได้ภายใน 2 ปี เป็นต้น

 

“งาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 นับว่ามีบทบาทในการปฏิรูปวงการอาหารและเครื่องดื่มของภูมิภาคเอเชีย หัวใจสำคัญของงานนี้ คือ การนำเสนออาหารเลื่องชื่อจากทั่วโลก ส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางการค้าที่มีคุณค่า มอบโอกาสที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าอย่างมาก และยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของผู้เข้าร่วมงานในสายตาเวทีโลก” นายแมธเธียส กล่าว
นายแมธเธียส กล่าวเพิ่มเติมว่า THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 จะมีบูธแสดงสินค้าจากต่างประเทศกว่า 2000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% โดยมีประเทศใหม่ที่มาร่วมออกบูธ ได้แก่ แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก อียิปต์ โมนาโก มาซิโดเนียเหนือ โรมาเนีย เยเมน รวมทั้งมาเก๊า ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกบนเวทีระดับโลกของมาเก๊า การมีส่วนร่วมของประเทศเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้งานมีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติมากขึ้น
ในปีนี้ โคโลญเมสเซ่ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ เช่น Future Food Experience โดยจะมีการอภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน เทรนด์ นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ ยังมี Alternative Protein Flavour and Taste Contest ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเสนอนวัตกรรมเนื้อสัตว์ทางเลือก และการแข่งขัน Thailand Ultimate Chef Challenge ที่จะมีเชฟกว่า 700 คนจากทั่วโลกมาแข่งขันทำอาหาร เพื่อชิงชัยความเป็นสุดยอดเชฟแห่งประเทศไทย
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 ได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โทร.1169 ดูรายละเอียดและลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ www.thaifex-anuga.com เจรจาธุรกิจวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-18.00 น. จำหน่ายปลีกวันที่ 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี


วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

สู้ให้ทุกปัญหา "ดร.หิมาลัย" รับมอบพวงมาลัยขอบคุณจาก "ส.ต.ต.พิจักษณ์" หลังเคยช่วยเรื่องสูติบัตร จนเข้าเรียนนายร้อยตำรวจได้สำเร็จ

สู้ให้ทุกปัญหา "ดร.หิมาลัย" รับมอบพวงมาลัยขอบคุณจาก "ส.ต.ต.พิจักษณ์" หลังเคยช่วยเรื่องสูติบัตร จนเข้าเรียนนายร้อยตำรวจได้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ส.ต.ต.พิจักษณ์ ทองใสเกลี้ยง เข้าพบ และมอบพวงมาลัยเพื่อขอบคุณ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษา รมว.พลังงาน ที่ช่วยติดต่อประสานงาน ในกรณีที่ตนขาดคุณสมบัติ และเอกสารบางอย่าง ในการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เหล่าตำรวจ

ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “หลังจากประกาศผลรอบแรก ผมได้ไปรายงานตัวที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจทำการยื่นเอกสาร ตอนแรกคิดว่าอาจจะไม่มีอะไร จนคณะกรรมการที่ตรวจเอกสารพิจารณา แจ้งว่าต้องใช้เอกสารของพ่อแม่โดยกำเนิด ไม่ใช่เอกสารของพ่อแม่บุญธรรมที่เลี้ยงเรามา ผมก็เลยเริ่มกังวล ซึ่งตอนนั้นก็ยังตามหาแม่ไม่เจอ แต่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ของพ่อไม่ทราบว่าเป็นใคร และไม่ปรากฏในสูติบัตร และไม่รู้ว่าอยู่ไหน เลยได้โทรไปสอบถามแม่บุญธรรมต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งทางคุณแม่บุญธรรมได้คุยกับคณะกรรมการ คุณแม่บุญธรรมเกิดความกังวลใจเช่นกัน และได้โทรไปขอคำปรึกษากับอาจารย์ที่สอนติวผมมา ซึ่งได้หาทางและติดต่อขอความช่วยเหลือ เลยได้มารู้จักกับท่านวินัย” ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าว

ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าวต่ออีกว่า “เมื่อได้มีการประสานกับท่านวินัยฯ แล้ว ก็ได้เข้าพบท่าน และสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ท่านวินัยฯ แจ้งไปทางท่าน พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของผม ท่านไตรรงค์ฯ ก็ให้ผมเข้าพบ เมื่อท่านได้ทราบเรื่องก็ได้ประสานต่อไปยังท่าน ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ท่านรับรู้และให้การช่วยเหลือ โดยนำเรียนไปถึงท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ทราบ ท่านพีระพันธุ์ฯ ก็มีความเมตตาที่จะให้ความช่วยเหลือ ท่านรองนายกฯ ท่านดูแลเรื่องกระทรวงยุติธรรม และติดต่อไปทางกรมมราชทัณฑ์ และรับรองมา ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์”

ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าวเพิ่มว่า “จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าฝันไปหรือเปล่า รู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดีหลายท่าน และยังให้กำลังใจในการเรียน ให้ตั้งใจเรียน จบออกมาเป็นตำรวจที่ดีรับใช้ประชาชน ทำหน้าที่ให้สุดความสามารถ ขอขอบคุณทุกท่านพร้อมให้คำมั่นสัญญา จะเป็นตำรวจที่ดี รับใช้ประชาชนอย่างที่ผมหวังเอาไว้ครับ”

ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทางครอบครัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็อาจทำให้ขาดเอกสารแบบตน ซึ่งก็จะเป็นการปิดกั้นโอกาสเด็กรุ่นใหม่ในการเป็นทหาร ตำรวจ ทั้งนี้ ตนอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก เพราะมีความชอบ และมีญาติเป็นตำรวจด้วย จึงตั้งใจสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร

ด้านนายพีระพันธุ์ฯ รับพวงมาลัย พร้อมกล่าวอวยพรและให้สัมภาษณ์ว่า ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ ได้มาขอความช่วยเหลือหลังจากที่เป็นนักเรียนนายสิบแล้ว ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ แต่ก็มาเกิดปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ตนจึงได้เชิญแม่ ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ มาพูดคุย และให้คนไปตรวจสอบในพื้นที่ ก็เชื่อได้ว่าพ่อ ของ ส.ต.ต.พิจักษณ์ฯ เป็นคนไทยแน่นอน มีตัวตนจริง เพียงแต่ตามตัวไม่เจอ แต่คนที่อยู่ในพื้นที่รู้จักดี จึงเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง และได้ให้หน่วยงานต่างๆ ไปช่วยดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง  

"ก็ต้องขอบคุณอธิบดีกรมราชทัณฑ์ซึ่งเป็นต้นทาง ในการให้ข้อเท็จจริง รวมถึงรักษาการ ผบ.ตร. ที่ดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหน่วยงานต่างๆ ก็ให้ความเป็นธรรมที่ถูกต้อง จึงขอให้น้องประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดูแลประชาชน ตัวเองเคยผ่านเรื่องเดือดร้อนมาเยอะ วันนี้จะมีโอกาสดูแลคนอื่นแล้ว ก็ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"

นายพีระพันธุ์ฯ กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าจากกรณีนี้ไม่จำเป็นจะต้องมีการแก้กฎหมายหรือกฎระเบียบ เพราะหน่วยต้นสังกัด คือตำรวจ ตรวจสอบหมดแล้ว

#ดรหิมาลัยผิวพรรณ #คุยกับดรหิมาลัย #ยามเฝ้าแผ่นดินไทย #drhimalai #ไตรรงค์ผิวพรรณ #พีระพันธุ์_สาลีรัฐวิภาค #รวมไทยสร้างชาติ #ช่วยเหลือคนลำบาก

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วช. ผนึกกำลัง ทีม EARTH และ มูลนิธิมดชนะภัย ลงพื้นที่ จ.เชียงราย หนุนงานวิจัย เพื่อรับมือกับแผ่นดินไหว “1 ทศวรรษ แผ่นดินไหวแม่ลาว” จำได้ไหม จำได้ไหว


วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ (EARTH: Earthquake Research Center of Thailand) มูลนิธิมดชนะภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จ.เชียงราย โดยมี ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชา ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิจัยในพื้นที่ เป็นผู้นำคณะลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งหมด 5 จุด ณ พื้นที่ จ.เชียงราย ดังนี้
จุดที่ 1) “โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์” นำโดย รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ จาก มหาวิทยาลัยมหิดล 
ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ศุภโชค มาศปกรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ 2 และทีมผู้บริหารโรงพยาบาลให้การต้อนรับ รศ.ดร.ธีรพันธ์ฯ กล่าวว่า โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้รับความเสียหายตรงบริเวณช่วงจุดเชื่อมต่อระหว่างอาคารเก่าและใหม่ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น อาคารแตกเป็นรอยแนวตั้งยาวสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายนอก และในวันที่เกิดแผ่นดินไหวนั้น ภายในอาคารมีผู้ป่วย แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ต้องใช้อาคารอยู่เป็นจำนวนมาก โดยได้ทำการซ่อมแซมเพื่อความมั่นใจของประชาชนที่เข้ารับบริการ และเพิ่มเติมระบบป้องกันเพื่อเตรียมรับแรงสั่นสะเทือนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จุดที่ 2) “โรงเรียนชุมชนบ้านป่าก่อดำ” นำโดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายพัฒน์พงษ์ เต็มเสาร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านป่าก่อดำ กล่าวต้อนรับ และ ศ.ดร.อมรฯ ได้อธิบายว่า โรงเรียนชุมชนบ้านป่าก่อดำ อาคารเรียนได้รับความเสียหายอย่างหนัก 1 หลัง ต่อมาได้มีการสำรวจความเสียหายของสถานศึกษา ผู้เชี่ยวชาญทำการประเมินแล้วว่าต้องทุบทิ้งทั้งหมดอาคารเรียนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และไม่สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต จึงได้ทำการทุบอาคารเรียนทิ้งและสร้างอาคารใหม่ทดแทน และเนื่องจากโรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง จึงได้มีการหารือกับวิศวกร เพื่อเสริมกำลังอาคารเรียนด้วยโครงสร้างใหม่ที่รองรับการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต
จุดที่ 3) “วัดดงมะเฟือง” นำโดย รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ จาก มูลนิธิมดชนะภัย 
ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายสุทัศน์ กิจพิทักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจอมหมอกแก้ว นายเหลี่ยม ปัญญาไว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านดงมะเฟือง ให้การต้อนรับ และให้ข้อมูลว่า ในขณะนั้น วิหารของวัดที่เสียหายบางส่วนจากเหตุแผ่นดินไหวก็ได้พังเสียหายทั้งหลัง และเกิดรอยร้าวที่เสากลางเพิ่มขึ้น ผนังหลังพระประธานพังทลายลง หลังคาหลุดร่อน ต้องรื้อทิ้งสร้างใหม่ทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานจากหลายภาคส่วนระดมเข้ามาช่วยเหลือในการสร้างและปรับปรุงอาคารใหม่ ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ และมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี และลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว อีกทั้งได้รับความร่วมมือกับชุมชนในการเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
จุดที่ 4 ) “เขื่อนแม่สรวย” นำโดย รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายศุภชัย พินิจสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม กรมชลประทาน และคณะให้การต้อนรับ และนายทรงพล พงษ์มุกดา หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในอดีตนั้นจากการตรวจวัดค่าความเร่งสูงสุดที่ตรวจวัดได้มีค่าเท่ากับ 0.0000877g ซึ่งต่ำกว่าค่าความเร่งของพื้นดินจากแผ่นดินไหวที่ใช้ในการออกแบบอย่างมาก ดังนั้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้กรมชลประทานยังร่วมมือกับคณะวิจัยในการปรับปรุงโครงสร้างของเขื่อนให้มีความแข็งแรง ทนทาน และรองรับต่อการเกิดเหตุแผ่นดินไหวได้ดียิ่งขึ้น

จุดที่ 5) “โรงเรียนศรีถ้อยสุนทรราษฎร์วิทยา” นำโดย รศ.ดร.สุทัศน์ ลีลาทวีวัฒน์ จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 
ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายรักษ์ชัย ฉัตรเงิน ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวต้อนรับ และรศ.ดร.สุทัศน์ฯ กล่าวว่า แม้ว่าในวันเกิดเหตุแผ่นดินไหวโรงเรียนจะได้รับความเสียหายไม่มากนัก แต่จากการดำเนินการสำรวจของทีมวิจัย พบว่า โรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง และอาคารของโรงเรียนมีรูปแบบที่เหมาะสมที่จะดำเนินการปรับปรุงให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ด้วยวิธีเสริมความแข็งแรงของเสาอาคารเรียน หรือ concrete jacketing ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้อาคารเดิมที่มีอยู่แล้วสามารถรองรับแรงแผ่นดินไหวได้มากขึ้นและป้องกันความเสียแก่อาคารเรียนได้ดียิ่งขึ้น

ผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย นั้น นำไปสู่การสร้าง Research Ecosystem Facilities ที่จะเป็นกลไกหลักในการนำเสนอนโยบายและเพื่อการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีเทคโนโลยีสำหรับตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ทันสมัย แต่ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลหรือข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวหากเกิดแผ่นดินไหวได้จาก “ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ วช. (EARTH)”

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ให้กำลังใจผู้สูญเสีย...ดร.หิมาลัย-พล.ต.ท.ไตรรงค์ฯ มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว ร.ต.ต.อัสดาฯ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ หวังเป็นขวัญและกำลังใจต่อไป

 ให้กำลังใจผู้สูญเสีย...ดร.หิมาลัย-พล.ต.ท.ไตรรงค์ฯ มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว ร.ต.ต.อัสดาฯ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ หวังเป็นขวัญและกำลังใจต่อไป



จากกรณีที่ ร.ต.ต.อัสดา จำเนียรศรี รอง สว. (จร.) สน.บางเขน ได้เกิดอุบัติเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่อำนวยการการจราจร บริเวณจุดกลับรถ ขสมก.เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2567 และได้เสียชีวิตที่ รพ.ภูมิพล นั้นต่อมาเจ้าภาพได้กำหนดการพิธีรดน้ำศพและสวดอภิธรรม ณ วัดพรพระร่วงประสิทธิ์ ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ล่าสุด มูลนิธิพระราหู โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ แลฯ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ มอบหมายให้ ว่าที่ พ.ต.ต.หญิง พรประคอง ศุขบุญ สว.กตส.3 คด. เป็นตัวแทน นำเงินสมทบทุนช่วยเหลือมอบให้ครอบครัวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อไป

#ดรหิมาลัยผิวพรรณ #คุยกับดรหิมาลัย #ยามเฝ้าแผ่นดินไทย #drhimalai #ไตรรงค์ผิวพรรณ #มูลนิธิพระราหู #ตำรวจ #ช่วยเหลือ #น้ำใจคนไทย

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

 


สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์  จัดกิจกรรม น้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  ที่ทรงมีพระกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อคนพิการ  พระราชทานชื่อดอกไม้ประดิษฐ์     “ดอกแก้วกัลยา เพื่อเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของคนพิการทั่วประเทศ และทรงมีพระดำรัสให้ฝึกอบรม  การประดิษฐ์ "ดอกแก้วกัลยา" ให้คนพิการ เพื่อให้มีอาชีพมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว






กิจกรรมที่จัดขึ้นภายในงานประกอบด้วย พิธีบำเพ็ญพระกุศลถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  การวางพานพุ่มดอกแก้วกัลยาถวายหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส   ราชนครินทร์  พิธีมอบทุนการศึกษาให้คนพิการ / บุตรคนพิการ โดยมอบให้ประธานกรรมการประสานงานส่วนภูมิภาค ภาค 1 – 12 ของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ นำไปมอบให้แก่คนพิการ /  บุตรคนพิการ  ดังกล่าว และมอบทุนประกอบอาชีพให้คนพิการ จำนวน 10 ทุน 

โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส   โนนุช  ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  เป็นประธานในพิธี  ในวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 3 ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ถนนราชวิถี    เขตราชเทวี กรุงเทพฯ



ทีมเยาวชน จ.สงขลาร่วมแข่งขันการถ่ายภาพจากโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สงขลา ผลงานที่ได้รับรางวัล เทศบาลนครสงขลาจะนำไปประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวจังหวัด

  นักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ สำนักงานเทศบาลนครสงขลา และสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและ...