วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Sinergia Animal องค์กรพิทักษ์สัตว์นานาชาติระดมนักกิจกรรมกว่า 44 ชีวิตจาก 6 ประเทศ ปกป้องสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มอุตสาหกรรมรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมให้สัตว์ ณ ลานคนเมือง กรุงเทพ เร่งสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้คนบริโภคอาหารอย่างมีจริยธรรม

 Sinergia Animal องค์กรพิทักษ์สัตว์นานาชาติระดมนักกิจกรรมกว่า 44 ชีวิตจาก 6 ประเทศ ปกป้องสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มอุตสาหกรรมรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมให้สัตว์ ณ ลานคนเมือง กรุงเทพ เร่งสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้คนบริโภคอาหารอย่างมีจริยธรรม






กรุงเทพฯ, 31 กรกฎาคม 2567 Sinergia Animal (ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล) องค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับนานาชาติจากบราซิล ระดมนักกิจกรรมกว่า 44 ชีวิตจาก 6 ประเทศ ได้แก่ บราซิล อาร์เจนตินา โคลอมเบีย ชิลี อินโดนีเซีย และประเทศไทย ร่วมรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ ณ ลานคนเมือง ใจกลางกรุงเทพฯ แสดงจุดยืนเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้สัตว์ในระบบผลิตอาหาร เผยความจริงอันโหดร้ายที่สัตว์ฟาร์มต้องเผชิญพร้อมสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้ประชาชนเลือกบริโภคอาหารอย่างมีความเห็นอกเห็นใจและมีเมตตาสัตว์ต่างๆ ในกลุ่มประเทศ Global South อย่างประเทศไทย




คุณแคโรลิน่า กาลวานี (Carolina Galvani) นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์จากบราซิล ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ Sinergia Animal เปิดเผยว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยย้ำเตือนให้ทุกคนตระหนักว่าความทุกข์ของสัตว์ในฟาร์มนั้นไม่มีพรมแดน เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องตระหนัก และมีความรับผิดชอบร่วมกัน โดยไม่มองข้ามข้อเท็จจริงของระบบการเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดในอุตสาหกรรมอาหารและหันมาเลือกบริโภคอาหารที่มีเมตตากว่า ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล เรียกร้องให้มีมนุษยธรรมกับสัตว์ในระบบผลิตอาหารและเปลี่ยนแปลงระบบการเลี้ยงให้มีสวัสดิภาพที่ดีขึ้น มากกว่าการคำนึงถึงเป้าหมายความสำเร็จทางธุรกิจเป็นสำคัญ  
“ดิฉันรู้สึกประทับใจในความพยายามของทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันเป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องความสนใจต่อชะตากรรมของสัตว์ในฟาร์มที่มากกว่าแค่สัตว์ในบราซิล โดยเฉพาะสัตว์ในประเทศไทย และในกลุ่มประเทศ Global South การขยายกิจกรรมมายังประเทศไทยแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการแก้ไขปัญหาสวัสดิภาพสัตว์ในระดับโลก เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการเลือกรับประทานอาหารอย่างมีเมตตาและยั่งยืน”
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตไข่ไก่มากที่สุดในเอเชีย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศ อย่างไรก็ตามการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาพร้อมกับความทุกข์ของแม่ไก่นับล้านที่ต้องใช้ชีวิตในกรง จึงเป็นหน้าที่ขององค์กรที่จะต้องแน่ใจว่าวิธีที่ใช้ในการผลิตอาหารนั้นมีมนุษยธรรมและมีจริยธรรมโดยคำนึงถึง คน สัตว์ และสาธารณสุข
 



สิ่งที่ Sinergia Animal มีเป้าหมายที่จะดำเนินการให้ถึงเป้าหมายสูงสุด คือ การเชิญชวนบริษัทและผู้ผลิตทั่วประเทศไทยให้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยใช้แนวทางปฏิบัติในการปรับปรุงสวัสดิภาพสัตว์ อาทิ การเลี้ยงไก่แบบไร้กรงขัง เพื่อให้แม่ไก่ได้สามารถแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ตามธรรมชาติ มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่แออัด ซึ่งเป้าหมายแห่งความสำเร็จคือการเป็นผู้นำทางความคิด และเป็นตัวอย่างให้บริษัทอื่นปฏิบัติตามในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีมนุษยธรรมมากขึ้น ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงแหล่งที่มาของอาหารมากขึ้น และมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติที่มีมนุษยธรรมและยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น การเปิดตลาดเพื่อรองรับไข่แบบไร้กรง (Cage-free eggs) ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกต่างๆ หรือแม้แต่ในกลุ่มผู้ผลิตอาหารทุกประเภท ไม่เพียงช่วยเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์ แต่ยังช่วยให้อุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศมีอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นอีกด้วย 
  “เรามาที่นี่ในวันนี้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนลงมือทำและแสดงให้เห็นว่าทุกการตัดสินใจของเรานั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตในทุกมิติ ขณะเดียวกันเราก็เร่งเดินหน้าบรรเทาความทุกข์ของสัตว์ในกระบวนการผลิตอาหาร เพื่อลด ละ เลิก การบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยการสนับสนุนให้เกิดการเลือกกินอาหารที่ไร้เนื้อสัตว์ หันมาบริโภคอาหารจากพืช (Plant-based diet) ที่กำลังได้รับความสนใจและมีพัฒนาการที่ดีในวงการผลิตอาหาร ซึ่งอาหารจากกลุ่มที่ทำจากพืชนี้ สามารถรังสรรค์ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนากรสูงเทียบเท่ากับการบริโภคเนื้อสัตว์ตามความต้องการในแต่ละมื้อ ซึ่งถือว่าเป็นหมุดหมายที่ดีของการเริ่มต้น และ อาหารจากพืชนี้ กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก ดังนั้นเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เราก็จะสามารถสร้างอนาคตที่จะทำให้สัตว์ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม เพื่อโลกที่ไม่มีใครถูกทำร้ายในการผลิตอาหาร” คุณแคโรลิน่า กล่าวทิ้งท้าย 
 




ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนและเป็นส่วนหนี่งของการเคลื่อนไหวนี้ได้โดยไปที่เว็บไซต์และลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลอัปเดตหรือเป็นอาสาสมัครได้ที่ www.sinergiaanimalthailand.org
หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Sinergia Animal Thailand
******************************************************************
เกี่ยวกับ Sinergia Animal (ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล)
Sinergia Animal  ก่อตั้งในปี 2017 โดย Carolina Galvani  นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ที่มีชื่อเสียงและเคยทำงานใน 30 ประเทศในฐานะนักข่าวสืบสวนให้กับองค์กรไม่แสวงผลกำไร (NGO)  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Sinergia Animal  ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในองค์กรพิทักษ์สัตว์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 ปี โดยได้รับการจัดอันดับจาก Animal Charity Evaluators องค์กรมีการดำเนินงานในประเทศต่าง ๆ เช่น อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี โคลอมเบีย และอินโดนีเซีย รวมทั้งประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารอย่างมีจริยธรรม


นอกจากนี้ Sinergia Animal ยังทำงานกับนักเคลื่อนไหวในประเทศที่มักถูกมองข้ามในขบวนการสนับสนุนสัตว์ เช่น ประเทศไทย อินโดนีเซีย โคลอมเบีย และเอกวาดอร์ ซึ่งองค์กรได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ ๆ มากกว่า 170 แห่งเพื่อให้ใช้ไข่ที่มาจากไก่ที่ไม่ได้ถูกขังและเนื้อหมูจากหมูที่ไม่ได้ถูกขังในกรงเล็ก ๆ โดยมีบริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต Cencosud ในลาตินอเมริกา กลุ่ม Central Retail Food Group ในประเทศไทย และ Ismaya ผู้ดำเนินการร้านอาหารในอินโดนีเซีย เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“พลิกโฉมคุณภาพการศึกษาโดยพัฒนาครูให้มีศักยภาพสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21”วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567ณ จังหวัดนครสวรรค์


ในระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้จัดโครงการพัฒนาครูต้นแบบในเขตภาคกลาง เพื่อ “พลิกโฉมคุณภาพการศึกษาโดยพัฒนาครูให้มีศักยภาพสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21” ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบไปสู่การสร้างผู้เรียนให้เป็นนวัตกร อันเป็นกิจกรรมสำคัญของการอบรมครูตามโครงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาด้วยรูปแบบ Active Learning สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (1 อําเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ)ระดับประถมศึกษาที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยแบ่งสถานที่อบรมเป็น 2 จุด ได้แก่ โรงแรม 42ซี เดอะชิค โฮเทลและ สพป.นครสวรรค์ เขต 3 ทั้งนี้มีครูเข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 181 คน เพื่อสร้างต้นแบบในพื้นที่ภาคกลาง7 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี ลพบุรี อ่างทอง สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา  
ในการอบรมครั้งนี้ ดร.ศุภวิชญ์ ดิษเจริญ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1 ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม ณ ห้อง The moon โรงแรม 42ซี เดอะชิค โฮเทล และนายสุรศักดิ์ คำนู ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม ณ ห้องประชุมรวมใจเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สพป.นครสวรรค์ เขต 3 โดยสาระสำคัญในพิธีเปิดได้กล่าวถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เห็นความสำคัญของการพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้อย่างเป็นรูปธรรมในทุก ๆ ห้องเรียน ด้วยการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษาโดยพัฒนาครูให้มีศักยภาพสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 การอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญให้เกิดการปฏิรูปการเรียนรู้ระดับห้องเรียน ให้ครูเปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่การสร้างและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นนวัตกร ที่นำไปสู่การเพิ่มพูนมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Soft Power) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล จึงขอให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านได้ให้ความสนใจในสาระสำคัญและเทคนิคกระบวนการ ให้ความสำคัญกับการลงมือปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง ให้มีทักษะอย่างเพียงพอที่จะไปผลักดันการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ระดับห้องเรียนในการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ที่สามารถประเมินตามสภาพจริงโดยใช้เกณฑ์มิติคุณภาพ (Rubrics) สะท้อนให้เห็นถึงระดับคุณภาพและร่องรอยการพัฒนาของผู้เรียนได้ อย่างเป็นรูปธรรม ให้ตอบสนองนโยบายสำคัญของรัฐบาล ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็จะเป็นการพัฒนานวัตกรรมการสอนของครูให้ส่งผลถึงการสร้างนวัตกรรมของนักเรียน สร้างคุณค่าให้เกิดคุณประโยชน์กับประเทศชาติด้วยการยกระดับพลิกโฉมคุณภาพการศึกษาให้สูงขึ้น นับเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของชาติในระยะยาว

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ที่สุดของหัวใจชาวไทย บุรีรัมย์จัดงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

ที่สุดของหัวใจชาวไทย บุรีรัมย์จัดงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

                   เนื่องในโอกาสมหามงคลมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ชาวบุรีรัมย์เปิดเมืองจัดงานยิ่งใหญ่เพื่อเถิดพระเกียรติ แสดงความจงรักภักดี ณ สนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ ตลอด 3 วัน วันที่ 28-30 กรกฎาคม 2567

               โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นำรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ของพรรคภูมิใจไทย พร้อมนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และพี่น้องประชาชน ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล โดยมีประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี 30,000 คน เต็มทุกที่นั่งภายในงาน

               ซึ่งชาวบุรีรัมย์ได้สำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ของพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ ๑๐ ที่ทรงเสด็จวางศิลาฤกษ์ อนุสารีย์บุรีรัมย์ , ทรงทำให้คนกรุงเทพ สามารถเปลี่ยนสนามม้านางเลิ้ง 279 ไร่ ให้เป็นสวน, พระราชทานที่ดิน 300 ไร่ ทำสวนสัตว์ใหม่ทดแทนสวนสัตว์เขาดิน ที่ จ.ปทุมธานี ,เสียสละทรัพทย์สินส่วนพระองค์ นับร้อยล้านบาท สร้างแหล่งเก็บน้ำที่บึงสีไฟ จ.พิจิตร 3 พันไร่ ,พระราชทานรถตรวจเชื้อชีวะนิรภัย เคลื่อนที่ 13 คัน ให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อต่อสู้สถานกาารณ์โควิด ,พระราชทานเครื่องบินเล็กลาดตระเวณช่วยเหลือประชาชน,วางศิลาฤกษ์ สร้างศาลากลางหลังเก่า จึงได้นำมาถ่ายทอดผ่าน มิวสิคคัล “ลมหายใจแห่งแผ่นดิน” ในครั้งนี้

               นอกจากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ร่วมเป่าแซกโซโฟนร่วมกับวง “บุรีรัมย์ออร์เคสตร้า” เยาวชนชาวบุรีรัมย์ กว่า 200 ชีวิต ในเพลงสดุดีจอมราชา ในการแสดงมิวสิคคัล แสง สี เสียง “ลมหายใจของแผ่นดิน” และปิดท้ายด้วยการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติที่วิจิตรตระการตา

               ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ได้กล่าวถึงการแสดง “ลมหายใจของแผ่นดิน” ครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และอยากนำเสนอพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อประชาชนชาวไทย ซึ่งวันนี้คนบุรีรัมย์ทุกคนมีความจงรักภักดี ซึ่งเป็นเมืองก่อตั้งองค์ปฐมบรมจักรีพระบาทสมเด็จพระพุธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชการที่ ๑ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ 99% เป็นคนบุรีรัมย์ ได้ร่วมแรงร่วมใจทำทุกอย่างเพื่อถวายความจงรักภักดี“

               คงต้องยกให้งาน ”ลมหายใจของแผ่นดิน“ ครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจของประชาชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตราตรึงในหัวใจคนไทยทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

"Sharing Day" วช. เปิดเวทีแลกเปลี่ยน สร้างศักยภาพผู้นำ สู่การพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ ในงาน อว.แฟร์

 "Sharing Day" วช. เปิดเวทีแลกเปลี่ยน สร้างศักยภาพผู้นำ สู่การพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ ในงาน อว.แฟร์



วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเวทีเสวนา "Sharing Day : ถอดบทเรียนความสำเร็จ
ของผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) และศูนย์กลางด้านความรู้
(Hub of Knowledge)" เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และบทเรียนจากผู้บริหารศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา โดยมี ศ. ดร. พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์ ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งแห่งประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ. ดร. นพ.ดำเนินสันต์ พฤกษากร ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญของเครือข่ายนักวิจัย ด้านชีวสารสนเทศแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ. ดร.สุขุม อิสเสงี่ยม ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบวงจรไมโครอิเล็กกรอนิกส์ประเทศไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ. ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ มหาวิทยาลัยนเรศวร ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศ และภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ. ดร.ต่อภัสร์ ยมนาค ผู้บริหารจัดการศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปรัปชับ และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ. ดร. หมุดตอเล็บ หนิสอ ผู้บริหารจัดการศูนย์กลางความรู้ด้านการให้ควาพร้อนถ้วยคลื่มโมโครเวฟ การพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของมนุยชาติมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกันเสวนาบนเวที ในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ ณ ห้องประชุม MR 209 ชั้น 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

ศ. ดร. พญ.ณัฏฐิยา กล่าวว่า ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งแห่งประเทศไทย มีหน้าที่บริหารจัดการบุคลากรด้านมะเร็งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาวิธีการรักษาและยารักษาโรคมะเร็งที่ล้ำสมัย การสร้างและพัฒนาทีมงานที่มีความรู้ความสามารถสูง จะช่วยให้เราสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และนำไปสู่การเพิ่มอายุขัยและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ


รศ. ดร. นพ.ดำเนินสันต์ กล่าวว่า ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญของเครือข่ายนักวิจัย ด้านชีวสารสนเทศแห่งประเทศไทย ว่าศูนย์นี้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนและพัฒนางานวิจัยด้านชีวสารสนเทศของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์และพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพ ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัย สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม และส่งเสริมการนำผลงานวิจัยไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ



รศ. ดร.สุขุม กล่าวว่า ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบวงจรไมโครอิเล็กกรอนิกส์ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดย รวบรวมผู้เชี่ยวชาญและ ส่งเสริมการวิจัย เพื่อ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ และ สร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ ผลักดันให้ไทยเป็น ศูนย์กลางด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์ในอาเซียน


รศ. ดร.พีระศักดิ์ กล่าวว่า ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพและขยายตลาดผลผลิตทางการเกษตรของประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปผลไม้ เพื่อเพิ่มมูลค่า ลดการสูญเสีย และยกระดับมาตรฐานผลผลิตให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และการเผยแพร่ความรู้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมผลไม้ไทยอย่างยั่งยืน



ดร.สุพัฒน์ กล่าวว่า ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศ และภูมิอากาศ เป็นศูนย์ที่รวบรวมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมหลากหลายสาขา มาร่วมกันศึกษา วิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างครอบคลุม โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาอย่างละเอียด เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการแก้ไขที่ตรงจุด สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหา และให้คำปรึกษาเชิงวิชาการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ


ผศ. ดร.ต่อภัสร์ กล่าวว่า ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปรัปชับ และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค เป็นศูนย์กลางรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน พัฒนาองค์ความรู้ และสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับคอร์รัปชัน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค และพัฒนากลไกป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการสร้างแหล่งเรียนรู้สำหรับบุคคลทั่วไป นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงาน

รศ. ดร. หมุดตอเล็บ กล่าวว่า ศูนย์กลางความรู้ด้านการให้ควาพร้อนถ้วยคลื่มโมโครเวฟ การพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของมนุยชาติ มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีคลื่นไมโครเวฟจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจ


การเสวนา "Sharing Day : ถอดบทเรียนความสำเร็จของผู้บริหารจัดการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ และศูนย์กลางด้านความรู้" ในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำความรู้ไปพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศไทยในระยะยาว



ทั้งนี้ วช. ขอเรียนเชิญประชาชนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับงาน “อว. แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อนำเสนอนวัตกรรมและผลงานวิจัยอันล้ำสมัยที่น่าสนใจ พร้อมกิจกรรมที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและอนาคตของประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 ก.ค. นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

บุรีรัมย์พร้อมเปิดเมือง จัดงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” โปรดักชั่นระดับโลก เฉลิมพระชนม 72 พรรษา เทิดพระเกียรติ ร.๑๐

บุรีรัมย์พร้อมเปิดเมือง จัดงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” โปรดักชั่นระดับโลก เฉลิมพระชนม 72 พรรษา เทิดพระเกียรติ ร.๑๐ 

               เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ปีนี้ชาวบุรีรัมย์พร้อมใจ จัดงานยิ่งใหญ่แห่งปี “ลมหายใจของแผ่นดิน” เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยงานจะมีขึ้นในวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2567 ณ สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์


              รับรองว่างานนี้ไม่ธรรมดา กับการจัดแสดง แสง สี เสียง มิวสิคคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” ที่ทุ่มทุนด้วยเทคโนโลยี 3D MAPPING เครื่อฉายภาพ แสง สี ระดับโลก โดยฝีมือทีมโปรดิวเซอร์คนไทยที่เคยสร้างผลงานในระดับนานาชาติ

               งาน ”ลมหายใจของแผ่นดิน“ ครั้งนี้ ชาวบุรีรัมย์ประกาศความพร้อม 100% ทั้งเตรียมสถานที่ เวที ฉาก ได้จัดตกแต่ง ประดับประดาไฟแบบตระการตาทั่วทั้งงาน และบริเวณโดยรอบจังหวัด 

               ล่าสุดในวันซ้อมใหญ่ที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจาก คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าเยี่ยมชมการแสดง พร้อมให้คำปรึกษา และแสดงความคิดเห็นในการซ้อมครั้งนี้ กับเยาวชนและทีมงาน อย่างเป็นกันเอง
               โดยตลอดทั้ง 3 วัน ผู้เข้างานจะได้รับชม การแสดง แสง สี เสียง มิวสิคคัล ที่บอกเล่าเรื่องราวพระราชนียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อปวงชนชาวไทย พร้อมการแสดงวงดนตรีออร์เคสตรา ของลูกหลานบุรีรัมย์ กว่า 200 ชีวิต เครื่องดนตรีกว่า 120 ชิ้น ในรูปแบบร่วมผสานกับเครื่องดนตรีไทย โดยวงดุริยางค์ มหาวิยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ซึ่งดนตรีเป็นการเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพื่องานนี้ รวมถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ พร้อมด้วยการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา อันวิจิตรงดงาม
               นอกจากนี้ยังมีของขวัญพิเศษในฐานะเมือง Sport City ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวนักฟุตบอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2024/25 พบกับนักเตะแบบฟลูทีม ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ พร้อมพบกับนักบิดชื่อดังสายเลือดไทย ชิพ-นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จากทีมฮอนด้า และ ตี๋-อนุภาพ ซามูล จากทีมยามาฮา อีกด้วย
               ภาพในงานยังมีการบำเพ็ญสาธารณกุศล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ส่งต่อลมหายใจ ”บริจาคโลหิต“ จำนวน 7,200 ยูนิต โดยร่วมบริจาคโลหิตภายในงาน และโรงพยาบาล 10 แห่งในโครงการ, กิจกรรมโครงการปันสุข โดยมีบริการจากร้านค้าต่างๆ ”ของดี-ของดัง“ ขึ้นชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์ มาบริการฟรี, ร่วมทำบุญได้ในโครงการ ”บุรีรัมย์ปันสุข เฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10“ ธนาคารกรุงไทย 308-3-21900-8 นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมเหรียญที่ระลึก เนื่องในโอกาสมหามงคล จำนวน 80,000 เหรียญ มอบให้ผู้เข้างานนี้อีกด้วย
               ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สำรองที่นั่งได้ที่ https://buriram.glide.page หรือแฟนเพจ BURRIRAM UNITED หรือรับชมถ่ายทอดสดงาน วันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เวลา 19.45 น. ที่ช่องอมรินทร์ทีวี 34HD

ทีมเยาวชน จ.สงขลาร่วมแข่งขันการถ่ายภาพจากโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สงขลา ผลงานที่ได้รับรางวัล เทศบาลนครสงขลาจะนำไปประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวจังหวัด

  นักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ สำนักงานเทศบาลนครสงขลา และสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและ...