วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่าง คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ร่วมกับ สถาบันพัฒนาคุณภาพวชิาการ (พว.)

 พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่าง  คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ร่วมกับ สถาบันพัฒนาคุณภาพวชิาการ (พว.) 





วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ร่วมกับมหาวิทยาลัย        ราชภัฏธนบุรี ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ณ ห้องประชุม ชั้น 5 สถาบันพัฒนา คุณภาพวิชาการ (พว.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษาของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งพิธี      ในวันนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยมีผู้บริหารระดับสูง แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน มีการแถลง      ความร่วมมือโดยตัวแทนจากทั้งสองฝ่าย ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ยุวลักษณ์ เวชวิทยาขลัง อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาสนา สังข์พุ่ม คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี และ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหาร สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ความร่วมมือครั้งนี้   มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาทุกกลุ่มสาระ    การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเป็นนวัตกรทางการศึกษาตามฐานสมรรถนะ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาครูประจำการทุกสังกัด ให้ได้เลื่อนวิทยฐานะ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล และผลิตผลงานทางวิชาการ เพื่อร่วมพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้าน   การจัดการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทุกรูปแบบ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการเป็น Coaching and Mentoring ของครูประจำการ ตลอดจนขับเคลื่อนโครงการฝึกอบรมสัมมนาให้กับผู้บริหาร คุณครูประจำการทุกระดับชั้น ในช่วงพิธีแถลงข่าวทางมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีร่วมกับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จัดให้มี การประกวดแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพื่อรองรับ การประกันคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา โดยแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เป็นวิธีปฏิบัติหรือขั้นตอน การปฏิบัติที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ หรือนำไปสู่ความเป็นเลิศตามเป้าหมาย เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการหรือ วิชาชีพนั้น ๆ และมีหลักฐานของความสำเร็จปรากฏชัดเจน มีการสรุปวิธีปฏิบัติหรือขั้นตอนการปฏิบัติ ตลอดจน ความรู้และประสบการณ์ที่ได้บันทึกเป็นเอกสาร และเผยแพร่ให้หน่วยงานภายในหรือภายนอกสามารถนำไปใช้ ประโยชน์ได้ ซึ่งอาจเกิดจากตัวบุคคลและกลุ่มบุคคลที่มีการวางแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนว Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps สำหรับใช้กับนักเรียนระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และ มัธยมศึกษา เนื่องมาจากในการทำงาน ทุกคนจะเกิดการเรียนรู้วิธีไปสู่เป้าหมายของหน่วยงาน ซึ่งผู้ปฏิบัติจะเรียนรู้ การแก้ปัญหาที่ดีได้จากการเสนอแนะของผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิด  การสร้างสรรค์วิธีการใหม่ ๆ หรือวิธีการที่ดีกว่าเดิม นอกจากกิจกรรมดังกล่าวจะเกิดประโยชน์โดยตรงต่อนักเรียน   แล้ว ยังส่งผลต่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและตอบโจทย์การประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษา (สมศ.) จึงเป็นเหตุผลให้มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีร่วมกับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดย   มีวัตถุประสงค์เพื่อประกวดและเผยแพร่แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา  



ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สังกัดสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สังกัดกระทรวงมหาดไทย และสังกัดกรุงเทพมหานคร ส่งผลงานเข้าร่วม โครงการไม่น้อยกว่า 500 ผลงาน และโรงเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีเวทีในการเผยแพร่ผลงานแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก ของสถานศึกษา













ททท. เรียกรวมพลสายเข้มคอกาแฟ ในงาน Northern Coffee Gathering 2024 ชวนสัมผัสเสน่ห์และวัฒนธรรมกาแฟภาคเหนือ 28 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่

ททท. เรียกรวมพลสายเข้มคอกาแฟ ในงาน Northern Coffee Gathering 2024 ชวนสัมผัสเสน่ห์และวัฒนธรรมกาแฟภาคเหนือ 28 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ 
          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน “Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ” ในวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของโครงการ Thailand Winter Festivals เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น โดย ครั้งนี้ ททท. เสนออีเวนต์สร้างสรรค์เอาใจ คนรักกาแฟล้อมวงเรียนรู้เรื่องราวของกาแฟแบบถึงแก่น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมพบปะกับเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟ นักคั่วกาแฟ และผู้ประกอบการในวงการกาแฟชั้นนำ เพื่อนำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย พร้อมช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชางต่างชาติได้มาสัมผัสถึงวัฒนธรรมด้านกาแฟแถบภาคเหนือของประเทศไทย
 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า 
งาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Thailand Winter Festivals 2024 ภายใต้นโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม อีเวนต์ และเฟสติวัลอันหลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “7 Wonders of Thailand” ตามเป้าหมายผลักดันประเทศไทยไปสู่ World Class Event Hub ประกอบกับเพื่อกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมซึ่งเป็นไฮซีซันหรือฤดูกาลท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวออกนิยมเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก และงาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมกาแฟ เป็นหนึ่งในอีเวนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในหมวดเทศกาลอาหารที่จะช่วยสร้างบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่รักกาแฟ 
ให้มาสัมผัสถึงวัฒนธรรมด้านกาแฟแถบภาคเหนือของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยว ด้วยศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานทั้งโรงแรมที่พัก ระบบขนส่งการคมนาคมที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งวัฒนธรรมอันงดงาม ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ งานศิลปะและหัตถกรรม Art & Craft สินค้าท้องถิ่นที่เป็น
อัตลักษณ์น่าสนใจ โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟ สินค้าที่โดดเด่นของจังหวัดเชียงใหม่และพืชเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ ตอนบน ซึ่งได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการประกอบกิจการธุรกิจกาแฟและคาเฟ่ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวทั่วทุกพื้นที่ของภาคเหนือ และเชื่อว่าการจัดงาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมกาแฟ จะช่วยสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ตอบโจทย์ความสนใจและต่อยอดกระแสการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม รวมทั้งส่งแรงกระเพื่อมถึงผู้ประกอบการร้านกาแฟและคาเฟ่ให้ตระหนักถึงการยกระดับคุณภาพของสินค้า เชื่อมโยงจุดเด่นนอกเหนือจากรสชาติ ไปยังคุณค่าของเรื่องราว กรรมวิธีการผลิตและแหล่งปลูกที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้หมุนเวียนแก่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน 
นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า งาน “Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ” เป็นหนึ่งใน Event Marketing ที่ ททท. ตั้งใจสร้างการรับรู้กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านรูปแบบกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ โดยมุ่งนำเสนอเสน่ห์ไทยของภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด 5 Must Do in Thailand เพื่อต่อยอดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางท่องเที่ยวเชิงกาแฟเรียนรู้ประสบการณ์ด้านกาแฟของจังหวัดเชียงใหม่ และกระตุ้นการจับจ่ายช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่น โดยงานนี้รวมคนรักกาแฟจากทั่วประเทศ มาสัมผัสเสน่ห์ของกาแฟไทยแท้จากแหล่งปลูกอันดับต้นๆ ของประเทศ เรียนรู้เรื่องราวของกาแฟแบบถึงแก่น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมพบปะกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ นักคั่วกาแฟ และผู้ประกอบการในวงการกาแฟชั้นนำ เพื่อนำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวที่คึกคักในช่วงไฮซีซั่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในภาคเหนือให้มีช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น 
ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ 1) กาดชาวสวนกาแฟ ตลาดรวมพลเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟจากทั่วภาคเหนือ นำกาแฟคุณภาพดีหลากหลายสายพันธุ์มาจำหน่าย พร้อมให้คำแนะนำและแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟ 2) ชุมชนนักคั่วกาแฟเมืองเหนือ รวบรวมนักคั่วกาแฟฝีมือดีจากทั่วภาคเหนือ มาโชว์ฝีมือและแบ่งปันเทคนิคการคั่วกาแฟ พร้อมจำหน่ายกาแฟคั่วสดใหม่ 3) มุมญาติมิตรของกาแฟ พบกับผลิตภัณฑ์จากกาแฟและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ชา โกโก้ ข้าว และผลิตภัณฑ์จากพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ของภาคเหนือ และ 4) ลานกิจกรรม จัดกิจกรรมเสิร์ฟความสุขในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การเสวนาเกี่ยวกับกาแฟ การสาธิตการชงกาแฟ การแข่งขันชงกาแฟ และการแสดงดนตรี 

Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมกาแฟ ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมกาแฟของภาคเหนือ แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมกาแฟไทย ททท. จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษ และดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟชั้นเลิศได้ที่งาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1672 Travel Buddy 
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 053 248 604

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ททท. ประกาศผล ผู้ชนะ โครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 ผลักดันการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 🏆 🏆🦄 ททท. ประกาศผล

ผู้ชนะ โครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 ผลักดันการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน







วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2567) ณ SCBX NEXT TECH ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ 

นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท. 

นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ ททท. น.ส.อังคฉัฐ 

ตรีมงคล ผู้อำนวยการกองนวัตกรรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท. และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด (Tech Sauce)  ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) บริษัท เดนท์สุ (ประเทศไทย) จำกัด (Dentsu) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (Siam Piwat) และ SIAM PARAGON SCBX NEXT TECH  และพันธมิตรด้านสื่อ ประกอบด้วย สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย และ สำนักข่าว The States Times

และสื่อมวลชนต่างๆ เข้าร่วมการจัดกิจกรรม Opportunity Day 

(การแข่งขันรอบ Final) และพิธีมอบรางวัลโครงการประกวด Travel Tech Startup 2024 

ภายใต้ธีม 🌎World & Me🤝โลกและเรา โดยประกาศผลผู้ชนะการประกวดฯ สตาร์ทอัพที่มีแผนธุรกิจที่โดดเด่นและได้รับคัดเลือกคะแนนสูงสุด 4 อันดับ จากทั้งหมด 12 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ดังนี้


🥇1. รางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีมHAUP 

🥈2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม CERO 

🥉3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2

ได้แก่ ทีม CARBONWIZE

🏅4. รางวัลพิเศษ ได้แก่ 

ทีม SHIN PLATFORM 

💡วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะ

ผู้ประกอบการ Travel Tech Startup ให้มีโอกาสได้สร้างสรรค์นวัตกรรม ติดอาวุธทางการตลาดให้ผู้ประกอบการในทุกมิติ ในการเพิ่มศักยภาพและผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน





✨หลังจากนี้ ททท.จะดำเนินการส่งเสริมทางการตลาด ต่อยอด

การดำเนินธุรกิจ โดยในงานแรก

จะนำผู้ที่ได้รับรางวัลทั้ง 4 อันดับเข้าร่วมงาน K-Travel Innovation Night ซึ่งเป็นงาน Networking ร่วมกับ Startup จากฝั่งประเทศเกาหลี โดยความร่วมมือจากพันธมิตรโครงการ (NIA) และ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศเกาหลี และส่งเสริมสิทธิประโยชน์อื่นๆต่อไป 

#TravelTechStartup2024

#AmazingThailand

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มสธ.จัดเสวนาวิชาการ "พลิกโฉมการศึกษาไทย เทคโนโลยี โอกาสและอนาคตแห่งการเรียนรู้"

 บทสรุปงานเสวนาวิชาการ “พลิกโฉมการศึกษาไทย เทคโนโลยี โอกาส และอนาคตแห่งการเรียนรู้” ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ณ อาคารพิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดนนทบุรี


นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า "มหาวิทยาลัยไทยจะต้องปรับตัวเพื่อสร้างบุคลากรสอดคล้องตามความต้องการของประเทศและโลก"

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่รวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อความต้องการบุคลากรในตลาดแรงงานอย่างมหาศาล เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศและแนวโน้มโลก

ในอดีต มหาวิทยาลัยไทยต้องเผชิญกับปัญหาการผลิตบัณฑิตที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ส่งผลให้ผู้สำเร็จการศึกษาหลายคนต้องทำงานนอกสายงานหรือในตำแหน่งที่ต่ำกว่าคุณวุฒิการศึกษา ซึ่งกลายเป็นความสูญเปล่าของทรัพยากรการศึกษาและลดโอกาสการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในภาพรวม กระทรวงวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยสร้างความชัดเจน โดยเน้นการผลิตบัณฑิตและบุคลากรที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศได้อย่างแท้จริง


อว. ได้กำหนดแผนพัฒนาการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยให้ความสำคัญกับการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ (Super Aging Society) และส่งเสริมการเรียนรู้แบบ non-degree เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคคลในยุคที่ความรู้และทักษะต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยไทยในยุคใหม่ เพื่อให้การศึกษาไทยตอบโจทย์อย่างมีประสิทธิภาพ มหาวิทยาลัยต่างๆ ถูกปรับบทบาทให้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

1.มหาวิทยาลัยระดับโลก เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ในระดับสากล

2.มหาวิทยาลัยด้านนวัตกรรม เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ เน้นสนับสนุนเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม

3.มหาวิทยาลัยพื้นที่เฉพาะ ให้บริการวิชาการและพัฒนาท้องถิ่นโดยตรง

4.มหาวิทยาลัยศาสนา มุ่งพัฒนาหลักสูตรด้านศาสนาและสังคม

5.มหาวิทยาลัยวิชาชีพเฉพาะ เน้นการผลิตบุคลากรเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน

มหาวิทยาลัยไทยต้องปรับตัวเพื่อให้ทันต่อความต้องการของประเทศและโลก โดยเฉพาะการผลิตบัณฑิตที่มีความสามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างความสมดุลระหว่างความเชี่ยวชาญเชิงวิชาการและทักษะปฏิบัติที่ใช้ได้จริง "การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงช่วยให้การศึกษาตอบโจทย์ แต่ยังช่วยพัฒนาประเทศให้พร้อมรับมือกับโลกอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน" 

 


นายพงค์สุข หิรัญพฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เจ้าของเว็บไซต์ beartai กล่าวว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทุกมิติของชีวิตมนุษย์ ทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในหลายกระบวนการ แต่การใช้งานที่ขาดสมดุลอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงลบในระยะยาว



AI ในการศึกษาเป็นโอกาสและความท้าทาย อย่างเช่น ChatGPT กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเรียนสร้างงานได้ง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อกังวลว่าการพึ่งพา AI มากเกินไป อาจทำให้นักศึกษาเสียโอกาสในการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนรู้ หรือแม้ AI จะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความแม่นยำ แต่การเรียนรู้พื้นฐานยังคงเป็นสิ่งสำคัญ สถาบันการศึกษาควรพัฒนากลยุทธ์การใช้ AI อย่างสมดุล เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีควบคู่กับการพัฒนาทักษะที่จำเป็น และ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้คนอย่างมาก เช่นเดียวกับผลกระทบของอินเทอร์เน็ตในอดีตที่ทำให้ธุรกิจสื่อต้องปรับตัว (Digital Disruption) ในปัจจุบัน AI ช่วยให้ทุกคนสร้างคอนเทนต์ แต่งภาพ หรือออกแบบผลงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดเพิ่มสูงขึ้น  





เทคโนโลยี AI ต้องการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) สำหรับการเรียนรู้ แต่การใช้งานข้อมูลเหล่านี้ก่อให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะข้อมูลอ่อนไหว เช่น เกรดนักศึกษา หรือข้อมูลส่วนตัว โดยประเทศไทยควรมีศูนย์ข้อมูล (Data Center) ภายในประเทศ เพื่อควบคุมการจัดเก็บและการใช้ข้อมูลให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนา AI ให้เหมาะสมกับภาษาและวัฒนธรรมไทย ก้าวต่อไปของประเทศไทย ควรพัฒนา AI ในแบบของเรา AI ในอนาคตควรถูกปรับแต่งให้ตอบโจทย์บริบทเฉพาะของประเทศ เช่น การประเมินผลการศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยีในภาษาท้องถิ่น หรือการสนับสนุนธุรกิจที่ต้องการความแม่นยำและรวดเร็ว

AI เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ในหลายด้าน ตั้งแต่การศึกษา การทำงาน ไปจนถึงการดำเนินชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม การใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านบวกและความเสี่ยง เช่น การพึ่งพามากเกินไป หรือการละเมิดความปลอดภัยของข้อมูล จะช่วยให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สร้างสรรค์และยั่งยืนสำหรับอนาคตของประเทศไทย

 



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนมพัทธ์ สมิตานนท์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เดินหน้าปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบการศึกษาให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล พร้อมทั้งขยายโอกาสการเรียนรู้สำหรับทุกคน  มสธ. ได้ปรับระบบการเรียนการสอนจากรูปแบบเดิมที่ใช้เอกสาร วิดีโอ และรายการโทรทัศน์ ไปสู่การเรียนการสอนสู่ออนไลน์เต็มรูปแบบ และแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Moodle และระบบ e-Learning เพื่อตอบสนองความต้องการต่อการศึกษายุคใหม่ นอกจากนี้ มสธ. ยังนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Generative AI มาใช้ในการสร้างเนื้อหาการเรียนการสอน ช่วยเพิ่มความหลากหลายและขยายโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน มสธ. ในช่วงโควิด-19 มสธ. เริ่มนำระบบการจัดสอบออนไลน์มาใช้ โดยผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Face Recognition เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เข้าสอบ เพิ่มความโปร่งใสและเชื่อถือได้ในกระบวนการสอบ แม้ว่าจะมีปัญหาในช่วงแรก เช่น การเข้าใช้งานระบบ แต่ด้วยความร่วมมือของทีมงานและบุคลากร ปัจจุบันระบบได้รับการพัฒนาจนสามารถรองรับการจัดสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างระบบการศึกษาที่ตอบสนองต่อยุคดิจิทัล

มสธ. ยืนยันความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์การศึกษาที่เท่าเทียมและตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล พร้อมเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในทั่วทุกมุมโลก มุ่งเน้นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับทุกคน โดยไม่จำกัดสถานที่หรือเวลา พร้อมเพิ่มหลักสูตรระยะสั้น เน้นการทักษะ Upskill และ Reskill เพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต


นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ศิษย์เก่า มสธ. และนักศึกษาปริญญาเอกสาขานิเทศศาสตร์ กล่าวว่า มสธ. ถือเป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทยที่เป็นผู้นำด้านการเรียนการสอนทางไกลและมีพัฒนาการที่โดดเด่น ทั้งการเปลี่ยนรูปแบบตำราเรียนเป็นดิจิทัล การสอบออนไลน์ และการเรียนรู้แบบ Smart Learning ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนจากทุกพื้นที่เข้าถึงการศึกษาได้ง่ายขึ้น

แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ยังขาดจริยธรรม จรรยาบรรณ และจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมนุษย์ "AI เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสะดวก แต่สิ่งที่ AI ทำไม่ได้คือการสร้างศีลธรรมและความเมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องฝึกฝนและพัฒนาเอง" AI สามารถช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมาก แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ โดยเฉพาะการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับผู้เรียนในยุคดิจิทัล





มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชในฐานะสถาบันการศึกษาจะต้องมุ่งพัฒนาทั้งความรู้และจริยธรรมของนักศึกษา เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน  "AI เป็นเพียงผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้กำหนดอนาคต มนุษย์ต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญ"

#มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

#STOU

https://www.stou.ac.th

คนดูทะลุ 2 แสน! ย้อนรอยบอลเดินสาย 9Up Arena สุดสนุก

คนดูทะลุ 2 แสน! ย้อนรอยบอลเดินสาย 9Up Arena สุดสนุก แฟนคลับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และผู้สนับสนุนหลักในเอเชียร่วมกันสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลเดิ...