วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568

วช. จุฬา ม.เกษตร และกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมแถลงข่าวแนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง จากชุดข้อมูล เทคโนโลยี จากงานวิจัยและนวัตกรรม เตรียมรับมือและเฝ้าระวังภัยภัยจากพายุ

วช. จุฬา ม.เกษตร และกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมแถลงข่าวแนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง จากชุดข้อมูล เทคโนโลยี จากงานวิจัยและนวัตกรรม เตรียมรับมือและเฝ้าระวังภัยภัยจากพายุ


วันที่ 28 กันยายน 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับเครือข่ายวิจัย ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมอุตุนิยมวิทยา จัดกิจกรรมแถลงข่าว “แนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง วิจัยนวัตกรรมมีคำตอบ” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธาน ณ ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ วช.


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการติดตามสถานการณ์น้ำของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากมรสุมที่พัดผ่านหลายภูมิภาค ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ จากสถานการณ์ดังกล่าว วช. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้เป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวัง รับมือ และฟื้นฟูจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องเฝ้าระวังพายุโซนร้อน “บัวลอย” ซึ่งก่อให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคกลาง ในการนี้ วช. นำชุดความรู้จากแผนงานวิจัย "น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง" นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ พร้อมด้วยทีมวิจัย เพื่อนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และข้อมูลเชิงพื้นที่ สนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่เสี่ยงภัยให้สามารถเฝ้าระวัง วางแผน และรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที


ภายในงานแถลงข่าว มีการเสวนาเรื่อง “แนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง วิจัยและนวัตกรรมมีคำตอบ” ดำเนินรายการ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงาน แผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ของ วช. พร้อมด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญร่วมเสวนาใน 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ 


ประเด็น “สถานการณ์อากาศในภาคกลาง” โดย ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ กรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับพายุบัวลอยที่อ่อนกำลังลงแล้ว ซึ่งจะขึ้นฝั่งที่เวียดนามและเคลื่อนตัวไปทางประเทศจีนตอนใต้ และคาดว่าจะมีพายุใหม่ที่ก่อตัวในช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. ซึ่งคาดว่าจะส่งเพิ่มปริมาณฝนในภาคอีสานตอนบน และภาคกลางตอนบน ในภาวะลานีญาต่อกับช่วงปกติทำให้พายุเกิดขึ้นได้ง่าย เคลื่อนตัวเร็วแต่กำลังไม่แรง 


ประเด็น “สถานการณ์และแนวโน้มน้ำท่า” โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพิ่มเติมในส่วนสถานการณ์น้ำท่า เนื่องจากพายุก่อนหน้าทำให้ปริมาณน้ำกักเก็บ และน้ำในลำน้ำมีปริมาณมากกว่าร้อยละ 80 จึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำ แต่ก็มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไหลเข้ายังอยู่ในระบบที่ควบคุมได้ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจะอยู่ในบริเวณพื้นที่ต่ำ และพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ซึ่งช่วงนี้น้ำทะเลยังไม่หนุนสูง จึงอยู่ในระดับที่จัดการได้


และประเด็นสุดท้าย “มาตรการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลาง” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.บัญชา ขวัญยืน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าทุกหน่วยงานมีการเตรียมการตั้งแต่เดือนมิถุนายน ต้นฤดูจะระบายให้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นผลจากมีการคาดการณ์ล่วงหน้ารวมถึงมีเกณฑ์ในการจัดการน้ำที่ชัดเจนตาม พ.ร.บ.การบริหารจัดการน้ำ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือลุ่มน้ำยมที่ทุ่งรับน้ำเต็มแล้วจากพายุลูกก่อนหน้า แต่ภาคกลางตอนล่างยังมีศักยภาพในการรับน้ำ เนื่องจากยังไม่ได้ผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ  


ทั้งนี้ วช. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลงานวิจัยและนวัตกรรมจะสามารถถ่ายทอดไปสู่การประยุกต์ใช้ในระดับพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการเตรียมความพร้อม วางแผน และดำเนินการรับมือกับสถานการณ์น้ำได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที

พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือทางวิชาการ (MOU)การพลิกโฉมคุณภาพการศึกษาไทยด้วยการพัฒนานวัตกรรมครูสู่นวัตกรรมผู้เรียน โครงการความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง โรงเรียนเจี้ยไช้ ร่วมกับ สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)

พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) การพลิกโฉมคุณภาพการศึกษาไทยด้วยการพัฒนานวัตกรรมครูสู่นวัตกรรมผู้เรียน โครงการความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง โรงเรียนเจี้ยไช้ ร่วมกับ สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)

เมื่อวันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมโรงเรียนเจี้ยไช้ ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างโรงเรียนเจี้ยไช้กับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) โดยมี นายธีระ อารักษ์วิชานันท์ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเจี้ยไช้ กับ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ร่วมลงนาม 

การดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือนี้จะอยู่ในรูปแบบของการประสานงานความร่วมมือของ สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) กับโรงเรียนดังกล่าวข้างต้น โดยตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มีต่อการพัฒนาการเรียนรู้แบบ Active Learning การดำเนินงาน ตามกรอบแนวทางความร่วมมือดังกล่าว ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านการศึกษา ที่ได้กำหนดกิจกรรมปฏิรูปที่ 2 การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเพื่อตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนในปัจจุบันไปสู่การเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ภายใต้หลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-based Curriculum) ด้วยการพัฒนาคุณภาพและศักยภาพ รวมทั้งส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาชีพของครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน ในการยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้มีความถนัดและความฉลาดที่แตกต่างกัน ผู้เรียนสามารถถักทอสร้างความรู้ได้เองจนถึงระดับหลักการ เกิดสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทุกด้าน รวมทั้งเกิดผลลัพธ์เป็นผลผลิต เช่น ชิ้นงาน โครงงาน และนำไปสู่นวัตกรรม จนส่งผลให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรได้ ตามที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้ 


ทั้งนี้ โรงเรียนเจี้ยไช้ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) มีระยะเวลาดำเนินการร่วมกันระหว่างปีการศึกษา 2568-2570  



วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล จัดใหญ่! "Thailand E-Commerce Selection Expo 2025" มหกรรมคัดเลือกสินค้าอีคอมเมิร์ซสุดยิ่งใหญ่ เชื่อมไทย-จีน สู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์

สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล จัดใหญ่! "Thailand E-Commerce Selection Expo 2025" มหกรรมคัดเลือกสินค้าอีคอมเมิร์ซสุดยิ่งใหญ่ เชื่อมไทย-จีน สู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์

กรุงเทพฯ – สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการจัดงาน "Thailand E-Commerce Selection Expo 2025" มหกรรมคัดเลือกสินค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อสร้างโอกาสและเครือข่ายธุรกิจครั้งสำคัญ โดยงานจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2568 ณ พื้นที่จัดงาน TOYOTA FARM EXPO 2025 ซึ่งมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยได้รับเกียรติจาก คุณวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นประธานในพิธีเปิด


คุณชไมพร เจือเจริญ นายกสมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน – สากล ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ "สร้างโอกาส สร้างเครือข่าย และสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ" โดยทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญในการ เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทย ให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพสูงออกสู่สายตาผู้ซื้อ และที่สำคัญคือการ นำสินค้าขึ้นสู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ชั้นนำระดับประเทศและระดับสากล
ภายในงานได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอย่างมาก ทั้งจากประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบูธเข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการกว่า 140 บูธ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ซื้อและพันธมิตรทางธุรกิจได้คัดเลือกสินค้าที่มีศักยภาพเพื่อเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ กิจกรรมภายในงานยังอัดแน่นด้วยการ สัมมนาให้ความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ แก่ผู้ประกอบการไทย โดยได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐมาร่วมบรรยาย ตลอดจน Speaker ตัวจริงในวงการอีคอมเมิร์ซที่มาถ่ายทอดความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ ตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน และการนำ เทคโนโลยี AI มาต่อยอดในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเข้าฟังการบรรยายทั้ง 2 เวทีอย่างหนาแน่นตลอดการจัดงาน

การจัดงาน Thailand E-Commerce Selection Expo 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของสมาคมฯ ในการผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่โลกดิจิทัล และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นสะพานเชื่อมโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

พระราม 3 ฟินแน่! กระตุกต่อมหิว“ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุก เซ็นทรัล พระราม 3” วันที่ 2 - 8 ตุลาคมนี้

พระราม 3 ฟินแน่! กระตุกต่อมหิว
“ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุก เซ็นทรัล พระราม 3” วันที่ 2 - 8 ตุลาคมนี้
 
เตรียมมาชิลกันที่งาน “ครัวคุณต๋อยยกทัพ” ครั้งแรกกับงานอาหารสุดยิ่งใหญ่ เสิร์ฟสายกินฟินจุใจตลอด 7 วันจัดเต็ม ณ ลานกิจกรรม ชั้น G เซ็นทรัล พระราม 3” ระหว่างวันที่ 2 - 8 ตุลาคม 2568 โดย “คุณตูน-พัทธยศ ลิมปพัทธ์” ในฐานะผู้จัดงาน ได้ขนเอาความพิเศษที่คัดสรรมาเพื่อท่าน

พบกับ 60 ร้านเด็ดทั่วไทย พิถีพิถันด้วยความตั้งใจ ปรุงสดใหม่ทุกวัน ทั้งเมนูคาว ขนมหวาน ของว่าง เบเกอรี่ อาทิเช่น หมูสะเต๊ะมังกรทอง / เจ๊นิดปูม้าแกะสุราษฎร์ / ปิ่นมณีปลาส้มไร้ก้าง / วรรัตน์ ซาลาเปาเบตง พ.ศ. 2517 / แม่เล็กแปดริ้ว เนื้อเค็ม หมูสวรรค์ / ไก่ย่างจีระพันธ์ / ทีเด็ดยำ ทะเลซีฟู้ดส์ / ลูกหยีอันดามัน / แม่ทองปอนด์ หลนปูม้า&น้ำพริกไข่ปู / น้ำพริกป้าติ๋วกม.7 ทุกร้านการันตีความอร่อยโดยทีมครัวคุณต๋อย 
และห้ามพลาด!!! “ครัวคุณต๋อย Selected” 4 ร้านเด็ด สรรค์สร้างความอร่อย ฟินจนต้องบอกต่อได้แก่ ล้านแปดแดดเดียว / ข้าวขาหมูอาโป / Domi Corn บ้านข้าวโพด / บางกอกลาซานญ่า 

โดยในวันเปิดงานวันแรก
กรี๊ดให้สุดเสียง! กับ 3 พิธีกรชื่อดังจาก ”รายการครัวคุณต๋อย“ นำโดย “อาต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์” “คุณเอ๊าะ-กีรติ เทพธัญญ์“ คุณโก๊ะตี๋ ชัยกฤต” ผู้ที่จะพาทุกท่านดื่มด่ำกับเรื่องราวความอร่อยของทุกร้านในงาน
และร่วมถ่ายรูปกับผู้บริหารของเซ็นทรัลพระราม 3 พร้อมด้วย “คุณก่อเกียรติ ลิมปพัทธ์” ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตของเรา และพบกับกิจกรรมร่วมสนุกภายในงานอีกมากมาย
 
ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุก เซ็นทรัล พระราม 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 8 ตุลาคม 2568 ณ ลานกิจกรรม ชั้น G 
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-พฤหัสบดี 10.30 น. - 21.00 น. / วันศุกร์ 10.30 น. – 22.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 10.00 น. – 22.00 น. 

สนับสนุนความสำเร็จโดย
• ศูนย์การค้า เซ็นทรัล พระราม 3
• ขอขอบคุณ Magiclean Kao Professional Solution สิทธิประโยชน์เพื่อผู้ประกอบการ ร้านสะอาดอนามัย 
ยืนหนึ่งในใจลูกค้า
• มั่นใจไปให้สุดทาง AJ EV power your confidence  มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจดทะเบียนได้
• สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3
ติดตามรายละเอียดได้ที่ FACEBOOK ครัวคุณต๋อย เว็บไซต์ www.kruakhuntoi.com แอปพลิเคชันครัวคุณต๋อย 

#ครัวคุณต๋อยยกทัพ #ครัวคุณต๋อย #ประสบการณ์ที่ต้องลิ้มลอง #CentralRama3 #เซ็นทรัลพระราม3

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568

ชมรมศิลปินสยาม ผนึก At Siam Gallery แสดงผลงานศิลปภาพเขียน The Power of Love และผลงาน ทราย สก๊อต พร้อมเปิดประมูล ถึง 10 ต.ค. ณ Co Creative & Art Space ชั้น 3 ศูนย์การค้าริเวอไซด์พลาซ่าร์

 




ชมรมศิลปินสยามร่วมกับ At Siam Gallery โดยการสนับสนุนของศูนย์การค้าริเวอไซด์ พลาซ่าร์ กรุงเทพ จัดแสดงผลงานศิลปภาพเขียน The Power of love พลังแห่งความรัก ผ่านหัวใจศิลปินอิสระแถวหน้้าของเมืองไทย 20 ท่านและนานาชาติ 1 ท่่าน ผสานกับแรงบันดาลใจของ ทราย สก๊อต สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและท้องทะเลไทย ภายใต้มูลนิธิชีวาสมุทร Sea You Strong ด้วยการจัดประมูลภาพวาดเหมือน Psi s strong Collection รวม 10 ภาพ ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 10 ตุลาคม 2568 ณ ห้องจัดแสดงนิทรรศการ Co Creative & Art Space ชั้น 3 ศูนย์การค้าริเวอไซด์พลาซ่าร์ ถนนเจริญนคร กรุงเทพ 

 


โดยมี คุณเกษร กำเนิดเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย คุณมงคล ไชยวงศ์ อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง ประธานชมรมศิลปินสยามและคุณเสาวณีย์ ลัทธะทานันท์ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าริเวอร์ไซด์ พลาซ่า  กรุงเทพ ศิลปิน แขกผู้มีเกียรติและด้อมปลาน้อย ร่วมในพิธีเปิดงาน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 

  


   คุณเกษร กำเนิดเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเปิดงานว่า ตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดีในการสร้างสรรค์กิจกรรมดีดีที่ทำให้เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อวงการศิลปะร่วมสมัยและการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเลซึ่งพอได้ทราบวัตถุประสงค์ในการจัดงานและได้รับเชิญมาเป็นประธานเปิดงานในวันนี้จึงมีความยินดีอย่างมาก โดยผลงานที่นำมาจัดแสดงเพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิชีวาสมุทร ซึ่งดำเนินงานโดยคุณ ทราย สก็อต ซึ่งมีเจตนาอันแน่วแน่ในการรวบรวมพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติท้องทะเลไทย นอกจากนี้ผลงานศิลปะที่จัดแสดงยังได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ และศิลปินอิสระอื่นๆรวมกว่า 20 ท่าน ทั้งยังมีศิลปินจากเนเธอร์แลนด์ Mr Guyido Goodheer มาร่วมงานและนำผลงานมาจัดแสดงทุกภาพใช้เทคนิคความถนัดของแต่ละศิลปินออกมาได้อย่างหลากหลาย ทั้งสีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิก สีโปสเตอร์ เป็นผลงานที่ทรงคุณค่า จึงขอชื่นชมกับเจตนารมณ์ของทุกท่านในการร่วมกันจัดงาน The power of Love ที่ได้ทุ่มเทกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าออกสู่สายตาประชาชนและสาธารณชนได้อย่างงดงามและยังได้จัดให้มีการประมูลภาพเพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนมูลนิธิซึ่งมีเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่จะฟื้นฟูธรรมชาติท้องทะเลซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ในนามของศิลปินทุกท่านและในนามของวงการศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยพร้อมให้การสนับสนุนและขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนให้งานนี้เกิดขึ้น เพื่อประกาศให้นานาชาติได้เห็นว่า ประเทศไทยมีความรักในศิลปวัฒนธรรม รักทรัพยากรธรรมชาติ ต้องการทำให้เกิดความสวยงามอย่างยั่งยืน

   






 ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานแสดวศิลปภาพเขียน The Power of love พลังแห่งรักได้ที่ ห้องแสดงนิทรรศการ Co Creative & Art Space ชั้น3 ศูนย์การค้าริเวอไซด์ พลาซ่าร์ ถนนเจริญนคร จนถึงวันที่10 ตุลาคม 2568 และร่วมประมูลภาพวาดเหมือน Psi s story Collection ผลงานจากศิลปินชั้นแนวหน้า รวม 10 ภาพ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 081-736-0188 และ 087-714-4447






สวพส. เปิดตัวเครื่องหมาย Eco Brand สินค้าดี จากเกษตรกรดี สู่ผู้บริโภคที่รักสิ่งแวดล้อม

 สวพส. เปิดตัวเครื่องหมาย Eco Brand  สินค้าดี จากเกษตรกรดี สู่ผู้บริโภคที่รักสิ่งแวดล้อม

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานโครงการหลวงและขยายผลความสำเร็จไปยังพื้นที่สูงในประเทศ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และนานาประเทศ เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ด้วยการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทดแทนการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมที่ใช้พื้นที่มาก สูญเสียพื้นที่ป่า และเกิดฝุ่นควันจากการเผา


สวพส. ได้เปิดตัว “ECO BRAND” หรือ เครื่องหมายรับรองสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ สินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐาน (GAP และเกษตรอินทรีย์) จากการผลิตของเกษตรกรที่มุ่งมั่นดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการประกอบอาชีพในพื้นที่ที่ถูกต้อง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่เผา (สร้าง PM2.5) เพื่อส่งมอบสินค้าที่ดีและปลอดภัยให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจธรรมชาติ

ECO BRAND คือ สัญลักษณ์ความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ตลาด และผู้บริโภค ในการช่วยกันดูแล รักษา และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน จากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือทำไร่หมุนเวียน มาสู่การทำเกษตรที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หันมาปลูกพืชทางเลือก เช่น ผักปลอดภัย กาแฟ และไม้ผล ภายใต้มาตรฐานอาหารปลอดภัย (Good Agricultural Practice: GAP) และเกษตรอินทรีย์ที่ใช้พื้นที่น้อย สร้างผลตอบแทนสูง และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่ต้องการสร้างการรับรู้ ECO BRAND เพื่อให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้บริโภค ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์นี้ นำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ด้วยระบบตรวจสอบที่โปร่งใส บนฐานข้อมูล เกษตรกรสามารถบอกได้ว่า “ใครเป็นผู้ปลูก อยู่ที่ไหน และปลูกอย่างไร” โดยมีระบบสอบทวนย้อนกลับ (Traceability System) ที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าได้ทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้าเกษตรที่คุณเลือก ไม่เพียงปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่ยังช่วยรักษาป่า ลดหมอกควัน และสร้างรอยยิ้มให้กับเกษตรกรบนพื้นที่สูง 



สวพส. ได้เริ่มดำเนินการรับรอง ECO BRAND เมื่อปี พ.ศ. 2566 ปัจจุบันมีเกษตรกร 3,181 ราย 53 กลุ่ม ที่ได้รับการรับรอง ใน 7 ชนิดพืช รวม 5,390 แปลง ประกอบด้วย กาแฟ 913 แปลง โกโก้ 17 แปลง ชา 164 แปลง พืชผัก 2,142 แปลง พืชท้องถิ่น 86 แปลง ไม้ผล (อะโวคาโด เสาวรส องุ่น มะม่วง) 1,974 แปลง และพืชไร่ 88 แปลง ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้า ECO BRAND จากทุกภาคส่วน และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างได้อย่างยั่งยืน


ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้า Eco Brand ได้ทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ “ของดีบนดอย” เป็นช่องทางติดต่อระหว่างเกษตรกรบนพื้นที่สูงกับผู้บริโภคโดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดและสร้างความมั่นใจว่าสินค้าที่เลือกซื้อ มาจากระบบเกษตรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ทุกครั้งที่คุณเลือก Eco Brand คุณคือคนดีที่ช่วยเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ยั่งยืน” 

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568

พิธีกรดัง ‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ บนเส้นทางใหม่กับ ‘รวมไทยสร้างชาติ’

พิธีกรดัง ‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ บนเส้นทางใหม่กับ ‘รวมไทยสร้างชาติ’

‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ เป็นคนที่พี่น้องประชาชนรู้จักจากบทบาทพิธีกร ดีเจ และผู้ประกาศข่าวนอกจากนี้ยังเป็นพิธีกรที่กล้าใช้ภาษาอีสานในสื่อหลักอย่างเป็นทางการ เป็นคนแรก ๆ ในประเทศไทย 

นอกจากบทบาทพิธีกร ดีเจ และผู้ประกาศข่าวแล้ว ‘เคนโด้’ ยังได้ใช้ชื่อเสียงที่ได้มาในการตอบแทนสังคม ผ่านการเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้เสียหายหลายคดี ไม่ว่าจะเป็น เมจิกสกิน, Forex 3D, K4, ฌาปนกิจสงเคราะห์ และอีกหลายปัญหาของประชาชน 

--ปกป้องสถาบันหลักของชาติ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์

จากวันนี้ ‘เคนโด้’ ได้เลือกที่จะเพิ่มอีก 1 บทบาทคือ การใช้ชีวิตบนเส้นทางการเมือง เพื่อเผยแพร่อุดมการณ์ ‘รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้เขาได้ทั้งช่วยเหลือผู้คน และพัฒนาอีสาน ตามแนวคิดถ้ามีชื่อเสียงแล้วไม่สามารถช่วยคนได้ ก็ไม่ต้องมี  

โดย ‘เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร’ ได้เลือกที่จะสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากที่เขาได้พูดคุยกับหลายพรรคการเมือง แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มีอุดมการณ์อย่างหนักแน่นในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ รวมถึงตั้งใจในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และรวมไทยสร้างชาติก็เปิดโอกาสให้เคนโด้ช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้น ตามอุดมการณ์ที่ทำมาหลายปี  

เคนโด้กล่าวว่า ผมเหมือนหมาบ้าที่ช่วยประชาชนมา10ปี กัดไม่ปล่อยในหลายคดีดัง โดน อิทธิพลกดทับ การใช้กฎหมายปิดปาก แต่ผมก็สู้จนชนะช่วยประชาชนที่เสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท ผมโดดเดี่ยวเพราะทำคนเดียว วันนี้ผมตัดสินใจจะสู้ไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะหัวหน้าพรรคท่านพีระพันธุ์ก็ชนแหลกเพื่อประชาชน ผมศรัทธาในตัวท่านและพรรคที่มุ่งช่วยประชาชนจริงๆ 


รวมทั้งผลงานที่ปรากฏของกระทรวงพลังงานภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่ว่าจะเป็นการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การลดค่าไฟ และเสนอกฎหมายปฏิรูปราคาพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมัน 

ได้คุยกับพรรคการเมืองหลายพรรคมาแล้ว จนในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจร่วมเดินหน้าไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะเขาได้ทำการศึกษามาอย่างดีแล้วว่าเป็นพรรคที่ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ เพราะฉะนั้นไม่ขายชาติแน่นอน รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ดังที่เห็นได้จากความไม่พอใจของนายทุนพลังงาน ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ และเป็นพรรคที่เห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ดูได้จากการตรึงราคาก๊าชหุงต้ม การลดราคาค่าไฟอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเสนอแก้ไขกฎหมายเรื่องน้ำมันอีกด้วย 


-- เมื่อบ้านเฮา เอาโอกาสในชีวิตมาไว้ใกล้บ้าน 

ด้วยความเป็นคนอีสานเลือดแท้ จากจังหวัดริมน้ำโขง อย่างหนองคาย สิ่งที่เขามองเห็นอย่างต่อเนื่องคือวิถีชีวิตของคนหนองคายที่ต้องดิ้นรนออกไปทำงานต่างถิ่นต่างแดน แม้ต้องจากครอบครัว จากบ้าน เพื่อแสวงหาโอกาสในชีวิตที่ดีกว่า

ดังนั้นสิ่งที่ ‘เคนโด้’ อยากเห็นคือการสร้างชุดนโยบาย ‘เมือบ้านเฮา’ สร้างงาน สร้างอาชีพในแต่ละท้องถิ่นตามจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ ให้ทุกคนมีโอกาสใกล้บ้าน ไม่ต้องออกเดินทางไปแสวงหาโอกาสต่างถิ่น ต่างแดน

เช่น จังหวัดหนองคายที่เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก หากมีการสนับสนุน ผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นตัวนำในการสร้างงาน สร้างอาชีพ

วันนี้ ‘เคนโด้’พร้อมแล้วที่จะใช้ชื่อเสียงโอกาสทางการเมืองเพื่อตอบแทนสังคม รวมทั้งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้แก่พี่น้องประชาชนและพัฒนาบ้านเกิดของเฮาอย่างแท้จริง  

‘โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป’ สร้างปรากฏการณ์คนล้นหลาม ร่วมชมมหกรรมเกษตรแห่งอนาคตที่ใหญ่ที่สุดในไทย ยกระดับเกษตรไทยสู่เวทีโลก ผสานนวัตกรรม-เทคโนโลยี สร้างฐานรากเศรษฐกิจไทยยั่งยืน

                                       

บริษัท ฟาร์มเอ็กซ์โป จำกัด ผนึกกำลัง โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในฐานะ Naming Sponsor จัดงาน ‘โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป 2025’ (TOYOTA FARM EXPO 2025) มหกรรมการเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Smart Farmer: เกษตรกรยุคใหม่ ภายใต้แนวคิดหลัก ‘FREE MAN's FARM : เกษตรอัตโนมัติ ไร้คน แต่ไม่ไร้ผล’ โดยได้รับเกียรติจาก นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บมจ.ไอซีซี และประธานที่ปรึกษา ฟาร์ม เอ็กซ์โป นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นางอารดา เฟื่องทอง อธิปดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมเป็นประธานจัดงาน ซึ่งงานนี้เป็นเวทีสำคัญในการยกระดับและส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแห่งอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภาคเกษตรกรรมไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ โดยได้ความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 500 บริษัท ที่มาร่วมเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศได้มา "ชม-เช็คอิน-กิน-ช้อป" อย่างเต็มอิ่ม รวมถึงเปิดเวทีสัมมนา ครบทุกประเด็นเกษตรไทยและโลกตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ และเวทีเจรจาธุรกิจแบบครบวงจรไว้ในที่เดียว ระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน 2025 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 5-9



นอกจากนี้ยังมีการจัดงานร่วม (Co-Location & Co-Hosting)  2 งานใหญ่ระดับประเทศ ได้แก่ ARDA AGRINEXT Thailand 2025 : โดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (ARDA) เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมระดับประเทศที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตเกษตรกรได้จริง และ Thailand E-Commerce Selection Expo 2025 (TESE 2025) โดยสมาคมการค้าและการลงทุนอาเซียน–สากล (AITIA) จับมือผู้ประกอบการจีนและแพลตฟอร์ม E-Commerce ชั้นนำ พร้อมผนึกกำลังครั้งสำคัญจากภาครัฐและเอกชน อาทิ CLP Engineering ผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องสีข้าวโดยคนไทยระดับประเทศ ตอกย้ำความภาคภูมิใจ ของอุตสาหกรรมเกษตรไทย, การยางแห่งประเทศไทย (RAOT) ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทย ครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยี การตลาด และสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความยั่งยืนและ Net Zero , กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DFT) คัดสรรกว่า100 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล Agri Plus Awards มาให้ผู้เข้าชมได้ช้อปอย่างจุใจ โอกาสเจรจาธุรกิจการค้า ที่จะทำให้เกษตรกรได้จับมือกับผู้ซื้อจริง และธนาคารออมสิน (GSB) สนับสนุนสินเชื่อเพื่อเกษตรกร ทำให้งาน โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป 2025 ครั้งนี้ เป็นเวทีเกษตรแบบครบวงจร ที่เชื่อมโยง เกษตร–วิจัย–การค้า–เทคโนโลยี–ไลฟ์สไตล์ ไว้ในงานเดียว 



นายนรบดี ผดุงเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาร์มเอ็กซ์โป จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของงาน “โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป 2025”  ว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่งานมหกรรมการเกษตร เป็นงานของเกษตรกรไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทยของเราได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชนทั่วไปอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแห่งอนาคตอย่างใกล้ชิดกับแนวคิดหลักของงาน 'FREE MAN's FARM : เกษตรอัตโนมัติ ไร้คน แต่ไม่ไร้ผล' ที่จะยกระดับเกษตรไทย ให้ก้าวข้ามจากงานแสดงสินค้า ไปสู่ “เวทีเชื่อมโยง เกษตร–วิจัย–การค้า–เทคโนโลยี–ไลฟ์สไตล์ มุ่งเน้นการยกระดับภาคเกษตรกรรมไทยให้ก้าวทันยุคดิจิทัล รวมถึงการจัดการประชุม สัมมนา การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมระดับประเทศจากพันธมิตรและผู้ประกอบการรวมกว่า 500 หน่วยงาน ที่มาร่วมสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญในการยกระดับเวทีเกษตรแบบครบวงจรของไทยสู่ตลาดโลก และงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรสุดล้ำ แต่ยังมีโซนไฮไลท์ที่ครบทั้งไลฟ์สไตล์และความบันเทิงอีกมากมายให้ทุกคนได้มาสนุกกัน โดยตอกย้ำว่า 'เกษตร' ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้ในยุคปัจจุบัน”





โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป 2025  จัดขึ้นบนเนื้อที่กว่า 25,000 ตารางเมตร มาพร้อมกับไฮไลท์ความยิ่งใหญ่ที่รวม อนาคตเกษตรไทย ความสนุก เทคโนโลยี และโอกาสธุรกิจ ไว้ครบที่สุดในที่เดียว อาทิ

4 วัน 1,000+ กิจกรรม ครบทั้งความรู้ ความสนุก และนวัตกรรม

500 บูธ จากธุรกิจเกษตร, เทคโนโลยี, หน่วยงานรัฐ, อาหารแปรรูป และ Future Food

100 Speaker / 50 เวทีสัมมนา ครบทุกประเด็นเกษตรไทยและโลก

15 โซนสุดว้าว : เกษตรอัจฉริยะ, เทคโนโลยี, Fun Farm, Fruit Days, Oktober Fest, Business Matching และอีกเพียบ!

10 ไฮไลท์เด็ด : ตั้งแต่คิงคองควายใหญ่ที่สุดในโลก Guinness, ตู้คีบทุเรียน 3 ตัน, Fruit Day, ไร่สุวรรณ, ไปจนถึงน้องเจนทำฟาร์ม

Thailand Farming Outlook 2026 เวทีใหญ่ที่เจาะลึกอนาคตเกษตรไทย

พบกับ เบน - ชลาทิศ ตันติวุฒิ เสียงทรงพลังที่สุดของเมืองไทยที่จะมาทำให้ค่ำคืนของคุณเต็มไปด้วยความสุข และพลังเสียงสุดอบอุ่น กับครั้งแรก ในบรรยากาศเกษตรผสมดนตรีที่คุณจะไม่มีวันลืม

และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย




สัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรสุดล้ำที่จะมาปลดล็อคทุกศักยภาพของเกษตรกรชาวไทยได้แล้ววันนี้ ในงานมหกรรมการเกษตรในร่ม โดยคนไทย เพื่อคนไทย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ‘โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป 2025’  ระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน 2025 เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 5-9 ติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: FarmExpothailand, LINE OA: @farmexpo หรือwww.farmexpo.co.th





#ToyotaFarmExpo2025 #FarmExpo2025 #ฟาร์มเอ็กซ์โป #farmexpothailand #เกษตรกรรุ่นใหม่ #เกษตรกรไทยเกษตรกรไทย #farmexpo #นวัตกรรมเกษตร