วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568

สหกรณ์ประมงเกาหลีฯ ประสบความสำเร็จในการจัดงานชิมและประเมินผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ซื้อ HoReCa จัด "สัมมนาการทำอาหาร" จากหอยนางรม หอยเป๋าฮื้อ และหอยเชลล์เกาหลีคุณภาพเยี่ยม ประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับอาหารทะเลเกาหลีผ่านผู้จัดจำหน่ายและอินฟลูเอนเซอร์ในไทย

สหกรณ์ประมงเกาหลีฯ ประสบความสำเร็จในการจัดงานชิมและประเมินผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ซื้อ HoReCa 
จัด "สัมมนาการทำอาหาร" จากหอยนางรม หอยเป๋าฮื้อ และหอยเชลล์เกาหลีคุณภาพเยี่ยม ประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับอาหารทะเลเกาหลี
ผ่านผู้จัดจำหน่ายและอินฟลูเอนเซอร์ในไทย

ศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลีประจำกรุงเทพฯ ภายใต้สหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี ประสบความสำเร็จในการจัดงาน “K-Seafood Roadshow 2025” ณ “โก โฮลเซลล์ สาขารังสิต”เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา
งานในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของการค้าอาหารทะเลระหว่างเกาหลี-ไทย รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมร้านอาหารจากความต้องการด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในงานจึงมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์วัตถุดิบอาหารทะเลเกาหลีในกลุ่ม HoReCa ที่เป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกหลัก ซึ่งรวมถึงอาหารทะเลที่คนไทยชื่นชอบ เช่น หอยนางรมเกาหลี, หอยเป๋าฮื้อ, หอยเชลล์, ออมุก (ลูกชิ้นปลา) และผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพร้อมปรุง/พร้อมทานอื่น ๆ

งานนี้ได้มีการเชิญบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารและสินค้า “โก โฮลเซลล์” พร้อมด้วยผู้ซื้ออาหารทะเลและผู้ประกอบการร้านอาหารในประเทศไทยกว่า 50 ราย เข้าร่วมการสัมมนาการทำอาหาร (สาธิตการทำอาหาร) เพื่อร่วมกันสำรวจความเป็นไปได้ในการนำวัตถุดิบอาหารทะเลใหม่เข้าสู่ตลาด HoRe นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้ชาวไทย คุณแบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์ มาร่วมดำเนินงานและช่วยประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มการกระจายข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งยังมีการจัดทำแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะที่แท้จริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผู้เข้าร่วมงานแต่ละรายอีกด้วย
 
ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่รวบรวมได้ภายในงาน จะถูกนำไปแบ่งปันกับผู้จัดจำหน่ายในประเทศ และใช้เป็นข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางกลยุทธ์ในการเข้าสู่ตลาด HoReCa ของไทยต่อไป นอกจากนี้ ตัวแทนจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่จัดแสดงในงาน เช่น Tongyeong Food Story/หอยเชลล์ ได้เข้าร่วมงานเพื่อหารือแบบตัวต่อตัวในเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงการส่งออกภายในปีนี้
แบค กึมจู ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ สหกรณ์ประมงแห่งชาติเกาหลี ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่อันดับสี่ของเกาหลีใต้ (รองจากญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา) โดยส่งออกมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นอกจากวัตถุดิบเดิม ๆ เช่น ปลาทูน่าและสาหร่ายแห้งแล้ว วัตถุดิบประกอบอาหาร เช่น หอยนางรม หอยเป๋าฮื้อ ปลาแมคเคอเรล และปลาหมึก ก็มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีความสำคัญเพิ่มสูงขึ้นในฐานะตลาดส่งออกหลัก”

ทั้งยังกล่าวอีกว่า "ในงานชิมและประเมินผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ เราได้นำเสนอวิธีการปรุงอาหารทะเลเกาหลีหลากหลายรูปแบบที่ร้านอาหารจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย และใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างช่องทางการตลาดในกลุ่ม HoReCa ที่มีความมั่นคงซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปได้ทั่วประเทศ ในอนาคตเราก็จะยังคงผลักดันการส่งเสริมการขายต่อไปอย่างเต็มที่ ผ่านการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ซื้อในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มการค้นพบและสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ K-Fish"

ศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลีประจำกรุงเทพฯ สหกรณ์ประมงแห่งชาติเกาหลี เปิดทำการเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 ตั้งอยู่ที่ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทร ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลในประเทศไทยที่สนใจนำเข้าผลิตภัณฑ์ประมงเกาหลี สามารถเข้าเยี่ยมชมศูนย์ฯ หรือติดต่อขอรับคำปรึกษาด้านการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลเกาหลีหลากหลายชนิดได้ทั้งทางอีเมล kfishbkk@gmail.com และหมายเลขโทรศัพท์ 02-057-4030

############ 

เกี่ยวกับ สหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี
สหกรณ์การประมงแห่งชาติเกาหลี มีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี 11 แห่งใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน และให้การสนับสนุนการตลาดในท้องถิ่น การสนับสนุนพื้นที่สำนักงาน การให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการแนะนำเกี่ยวกับด้านการแปลภาษาและการพัฒนาช่องทางการขายเพื่อส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงของเกาหลี ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมการค้าอาหารทะเลเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ เปิดทำการเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2018 โดยตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทร

เสียงจากผู้บริโภค แย้งรายงานบุหรี่ไฟฟ้า สว. ไม่ยึดโยงประชาชน!

เสียงจากผู้บริโภค แย้งรายงานบุหรี่ไฟฟ้า สว. ไม่ยึดโยงประชาชน!
ชี้ข้อสงสัย 6 ประการของข้อเสนอ “Total Ban”
ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าตั้งข้อสงสัยที่มาของรายงานของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเกี่ยวกับการแบนบุหรี่ไฟฟ้า เผยมีแรงจูงใจแอบแฝง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนและผลักดันผู้บริโภคเข้าสู่ตลาดมืดโดยไม่ยอมรับความจริง

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แกนนำกลุ่มลาขาดควันยาสูบ เฟซบุ๊กเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ออกมาแสดงความเห็นและตั้งข้อสังเกตต่อรายงานของคณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ที่มีมติให้คงมาตรการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด และถูกย้ำในรัฐสภาโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่ารายงานฉบับนี้มีจุดที่น่ากังวลหลายประการเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพที่ถูกบิดเบือน และมีกลิ่นอายของการเมืองและวาระที่ซ่อนเร้นอย่างชัดเจน
นายอาสา กล่าวว่ารายงานฉบับนี้มีที่มาจากกลุ่มด้านสาธารณสุขกลุ่มหนึ่งร้องเรียนต่อวุฒิสภา ด้วยความพยายามที่จะหักล้างรายงานการศึกษาบุหรี่ไฟฟ้าของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ที่เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสร้างความกังวลว่ารายงานของสว. ฉบับนี้อาจมีบทสรุปที่ชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เห็นได้จากการประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลที่ใช้เวลาเพียง 7 ครั้งและเน้นหน่วยงานด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ขาดการมีส่วนร่วมจากผู้ได้รับผลกระทบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ต่างจากการทำงานของ กมธ. วิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรที่ใช้เวลากว่า 1 ปีในการศึกษา พร้อมมีงานวิจัยประกอบการพิจารณามากมาย
“ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ล้วนมาจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขฝ่ายเดียว โดยไม่มีการพิจารณาข้อมูลงานวิจัยที่น่าเชื่อถือจากทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านและยังสวนทางกับคำแนะนำของหน่วยงานงานสาธารณสุขในต่างประเทศเช่น National Health Service ของอังกฤษ หรือกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ หรือแม้กระทั่ง อย. สหรัฐอเมริกา ทำให้รายงานขาดความสมดุลและไม่เป็นกลาง อีกทั้งการอ้างอิงกรณีศึกษาจากเพียง 5 ประเทศก็ไม่เพียงพอ ทั้งที่ปัจจุบันมีหลายประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อจัดการปัญหาที่เกิดจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างไม่หวนกลับมาสู่การสูบบุหรี่มวนแบบเดิม กว่า 91 ประเทศทั่วโลกที่มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งการศึกษาเชิงเปรียบเทียบที่ไม่ครบถ้วนทำให้ข้อสรุปขาดน้ำหนัก”
ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาความล้มเหลวที่ถูกละเลยในรายงาน แม้รายงานจะยอมรับว่ากฎหมายปัจจุบันมีปัญหา แต่กลับเสนอให้คงการแบนไว้ ซึ่งอาจต่อยอดความล้มเหลวตลอดกว่า 10 ปีของการแบนที่ทำให้ตลาดมืดเติบโต การใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนที่เพิ่มขึ้น และมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 70,000 คน เป็นเกือบ 1 ล้านคน 
เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคตั้งข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญต่อที่มาของการผลักดันรายงานฉบับนี้ โดยเห็นว่าการนำเสนอและข้อสรุปของรายงานอาจมีแรงจูงใจที่แอบแฝง ไม่ได้สะท้อนเจตนารมณ์หรือความต้องการจริงของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำรายงานดูเหมือนจะมาจากกลุ่มสุขภาพหรือหน่วยงานฝ่ายเดียว ขาดการรับฟังเสียงจากผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงละเลยข้อมูลและหลักฐานจากงานวิจัยที่หลากหลายและคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขระดับสากล
นอกจากนี้ กระบวนการจัดทำรายงานยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเร่งรัดและไม่โปร่งใส โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลบางด้านมากเกินไป ขณะที่ความเห็นต่างหรือข้อเสนอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร กลับไม่ถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง ส่งผลให้เกิดข้อกังขาว่าจุดยืนของรายงานอาจถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และอาจมีแรงกดดันทางการเมืองหรือผลประโยชน์บางอย่างอยู่เบื้องหลังการผลักดันข้อเสนอ "Total Ban" นี้
“การคงมาตรการ Total Ban ไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน แต่เป็นการผลักคนลงเหวโดยไม่มีทางเลือกซ้ำยังตกลงไปที่ตลาดมืดที่มีสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีใครตรวจสอบ และที่สำคัญคือเข้าถึงเยาวชนได้ง่ายกว่าที่คิดบนรูปแบบการขายใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ต่อเนื่อง ถ้าเป้าหมายคือการปกป้องเยาวชนและควบคุมการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การแบนไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เราเห็นผลลัพธ์ตลอดกว่า 10 ปีที่อยู่กับ Total Ban แล้วว่าไม่ใช่ทางออกที่ดีในการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า เราควรหันมาใช้กฎหมายควบคุมอย่างเหมาะสม กำหนดมาตรฐานสินค้าที่ชัดเจน และจำกัดอายุผู้ซื้ออย่างจริงจัง เพื่อนำบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นสู่ตลาดถูกกฎหมายและสามารถควบคุมได้เหมือนกับสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพประเภทอื่น ๆ สอดคล้องกับบริบททางสังคมในปัจจุบัน”

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568

อาม่าแต๋วตัดริบบิ้นเปิดร้าน “เตี๋ยวหลานม่า” ร้านก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดย่านลาดกระบัง

อาม่าแต๋วตัดริบบิ้นเปิดร้าน “เตี๋ยวหลานม่า” ร้านก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดย่านลาดกระบัง



เปิดตัวร้านก๋วยเตี๋ยวใหม่ย่านลาดกระบัง “เตี๋ยวหลานม่า” ที่มากับก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟสูตรเด็ด พร้อมพิธีเปิดในธีมจีน และคนดังอย่างอาม่าแต๋ว จากภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ร่วมงานในครั้งนี้
บริษัท หลานม่า จำกัด นำโดย คุณสาริศา กิติประวัติ รองประธานกรรมการ และหนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน "เตี๋ยวหลานม่า" กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เตี๋ยวหลานม่า เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ต่อยอดสูตรก๋วยเตี๋ยวเดิมๆ ซึ่งนั่นก็คือเย็นตาโฟและก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เพิ่มเติมความแปลกใหม่ในทุกรสชาติโดยเชฟชื่อดัง โดยร้านตั้งอยู่ในโครงการ Jamaica Park ถนนพัฒนาชนบท 3 ย่านลาดกระบัง


สำหรับจุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวร้านเตี๋ยวหลานม่า นั่นก็คือ ซอสเย็นตาโฟกระเจี๊ยบสูตรพิเศษที่ใช้ดอกกระเจี๊ยบต้มจนได้รสเปรี้ยวกลมกล่อมและสีสวยธรรมชาติ และน้ำซุปจากลำไยเพื่อสุขภาพที่ใช้ลำไยแท้ เคี่ยวน้ำซุปจนหวานหอมธรรมชาติ ผ่านการรังสรรค์ทุกเมนูโดยเชฟนก-ปรียารัตน์ สาระธนะ ที่มีประสบการณ์ในครัวการบินไทยมากว่า 25 ปี และอดีตเชฟประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน 


ทางด้านอาม่าแต๋ว-อุษา เสมคำ เจ้าของรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ สาขาผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง "หลานม่า" กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานเปิดร้านในวันนี้ และเชื่อว่า อาหารที่อร่อย จะดึงดูดให้ทุกคนในครอบครัวได้มาพบปะเจอหน้าพูดคุยกัน เหมือนที่ร้านเตี๋ยวหลานม่า ที่ดึงดูดทุกคนให้พร้อมหน้าด้วยก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยจากทางร้าน
ส่วน 3 เมนูของร้านเตี๋ยวหลานม่า ที่อาม่าแต๋วและเชฟเตย-สหรัฐ แตงไทย แชมป์คนแรกของรายการ MasterChef The Professionals Thailand แนะนำให้ลองชิมเป็นพิเศษ ได้แก่ 1) เย็นตาโฟ 8 เซียน ครบเครื่องทั้งลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นรักบี้ ปลาแผ่น ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นแมงกะพรุน เห็ดหูหนูขาว เลือดหมู และหมึกกรอบ 2) เย็นตาโฟคั่วแห้ง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟถูกคั่วด้วยไฟแรงสไตล์คั่วไก่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ซอสกระเจี๊ยบเข้มข้น เคลือบเส้นเหนียวนุ่ม และ 3) เย็นตาโฟ 9 มังกรคาบแก้ว ที่มาพร้อมกับ 9 วัตถุดิบพรีเมียม เปรียบเสมือนพลังมังกรทั้งเก้า 
“อยากให้ลองมาชิมกันนะคะ 


สำหรับก๋วยเตี๋ยวหลานม่า เพราะเขาตั้งใจทำเพื่อทุกคนในครอบครัว หรือจะมากับเพื่อนก็อร่อยไม่แพ้กัน ด้วยเย็นตาโฟสูตรพิเศษที่หาจากที่ไหนไม่ได้จริงๆ” อาม่าแต๋วกล่าวทิ้งท้าย
พบกับร้าน “เตี๋ยวหลานม่า” ได้ทุกวัน เวลา 10.30-20.00 น.. ร้านตั้งอยู่ในซอยพัฒนาชนบท 3  พิเศษ! ฉลองเปิดร้านใหม่ รับฟรี! ตะเกียบสุดพิเศษจาก “หลานม่า” ของที่ระลึก Limited Edition เมื่อรับประทานอาหารในร้านครบ 300 บาทต่อใบเสร็จ และพบกับโปรโมชันอื่นๆ มากมาย รายละเอียดเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊ก “เตี๋ยวหลานม่า”