วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2567

เคนโด้ผุด โปรเจกต์ THE ONE สร้างแบรนด์สินค้า ดึง อาจารย์ บีว สกล นั่งแท่นไดเรกเตอร์ เป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย วงการสกินแคร์ อาหารเสริม

 


จับธุรกิจกระแสไม่มีหยุดสำหรับผู้ประกาศข่าวคนดัง เคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หลังจากสร้างแฟรนไชส์ ยังวัน เป็นที่รู้จัก ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโปรเจกต์ยักษ์ THE ONE รับผลิตสกินแคร์และอาหารเสริมครบวงจร

ด้วยความเหนือชั้นของเคนโด้ ประสบการณ์วงการสื่อสารมวลชน 25 ปี จึงเป็นจุดขายให้กลุ่มลูกค้าที่อยากสร้างแบรนด์ ได้รับการดูแลตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไม่ใช่แค่ผลิตแต่เราเหนือชั้นด้านการทำตลาดอีกด้วย 

การผลิตสินค้าด้วยโรงงานที่มีมาตรฐานระดับสูงทั้งไทยและต่างประเทศ THE ONE มีคอนเน็กชั่นทั่วโลก ที่ สามารถผลิตได้ทั้ง สกินแคร์ อาทิ ครีม 

เซรั่ม สบู่ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ คลีนเซอร์  อาหารเสริม อาทิ โปรตีน คอลลาเจน ดีท็อกซ์ อาหารเสริมบำรุงร่างกายทุกชนิด และลูกค้าสามารถออกแบบสูตรร่วมกับทาง THE ONE ได้เลย เราสามารถผลิตได้ทุกสูตรตามความต้องการ เลือกส่วนผสม กลิ่น สารสกัด เนื้อสัมผัส ได้ตามความต้องการทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์ประจำตัวเป็น1เดียวในโลก ที่เกิดจากความตั้งใจของเจ้าของแบรนด์โดยแท้จริง 



และที่สำคัญ THE ONE เรามีจุดเด่นที่เหนือกว่าการผลิตเพียงอย่างเดียว เรายังมีการแนะนำการทำการตลาด อาทิ การใช้ Influencer การทำสื่อโฆษณา การแถลงข่าว การสร้างแบรนด์สินค้า ทำ Content Video ผ่านรายการ Talk Show 

รวมทั้งมีคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ให้กับเจ้าของแบรนด์ 

รวมถึงบริการการจดแจ้งอย. สคบ. ออกแบบและผลิตแพคเกจจิ้ง ทำให้การเป็นเจ้าของแบรนด์ง่ายและประสบความสำเร็จไวขึ้น


ด้วยบุคลากรตัวจริงในวงการนอกจาก เคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ผู้ประกาศและพิธีกรชื่อดัง ยังมี อาจารย์บีว สกล พณิชย์เสรีวงษ์ ที่ปรึกษาธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี

ประสบการณ์กว่า 25 ปีด้านการตลาดและการขายในธุรกิจความงาม และสุขภาพ

- ประสบการณ์ในระดับ Top Management ของแบรนด์ Mistine

- ประสบการณ์ Assistant Managing Director บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)

- Co Founder of PROMAI Business School โรงเรียนสอนทำธุรกิจออนไลน์

- CEO and Founder of BEAU SUPERDEAL

- ที่ปรึกษาธุรกิจเอสเอ็มอี และการสร้างแบรนด์สินค้าใหม่

- นักการตลาดดิจิทัล โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)

- ครีเอเตอร์ สายการศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ TikTok Community Thailand


งานนี้สั่นสะเทือนวงการสกินแคร์และอาหารเสริมแน่นอน ด้วยวิสัยทัศน์ของ THE ONE ที่1แห่งคุณภาพสินค้าและการสร้างแบรนด์ ครบ จบ ที่ THE ONE การเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด เพราะเรามุ่งมั่นที่จะทำให้คุณเป็นที่1 ในวงการ


สนใจได้รับสิทธิพิเศษในการผลิตและสร้างแบรนด์ ติดต่อ 

เคนโด้ผุด โปรเจกต์ THE ONE สร้างแบรนด์สินค้า ดึง อาจารย์ บีว สกล นั่งแท่นไดเรกเตอร์ เป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย วงการสกินแคร์ อาหารเสริม 


จับธุรกิจกระแสไม่มีหยุดสำหรับผู้ประกาศข่าวคนดัง เคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หลังจากสร้างแฟรนไชส์ ยังวัน เป็นที่รู้จัก ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโปรเจกต์ยักษ์ THE ONE รับผลิตสกินแคร์และอาหารเสริมครบวงจร


ด้วยความเหนือชั้นของเคนโด้ ประสบการณ์วงการสื่อสารมวลชน 25 ปี จึงเป็นจุดขายให้กลุ่มลูกค้าที่อยากสร้างแบรนด์ ได้รับการดูแลตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไม่ใช่แค่ผลิตแต่เราเหนือชั้นด้านการทำตลาดอีกด้วย 

การผลิตสินค้าด้วยโรงงานที่มีมาตรฐานระดับสูงทั้งไทยและต่างประเทศ THE ONE มีคอนเน็กชั่นทั่วโลก ที่ สามารถผลิตได้ทั้ง สกินแคร์ อาทิ ครีม 

เซรั่ม สบู่ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ คลีนเซอร์  อาหารเสริม อาทิ โปรตีน คอลลาเจน ดีท็อกซ์ อาหารเสริมบำรุงร่างกายทุกชนิด และลูกค้าสามารถออกแบบสูตรร่วมกับทาง THE ONE ได้เลย เราสามารถผลิตได้ทุกสูตรตามความต้องการ เลือกส่วนผสม กลิ่น สารสกัด เนื้อสัมผัส ได้ตามความต้องการทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์ประจำตัวเป็น1เดียวในโลก ที่เกิดจากความตั้งใจของเจ้าของแบรนด์โดยแท้จริง 


และที่สำคัญ THE ONE เรามีจุดเด่นที่เหนือกว่าการผลิตเพียงอย่างเดียว เรายังมีการแนะนำการทำการตลาด อาทิ การใช้ Influencer การทำสื่อโฆษณา การแถลงข่าว การสร้างแบรนด์สินค้า ทำ Content Video ผ่านรายการ Talk Show 

รวมทั้งมีคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ให้กับเจ้าของแบรนด์ 

รวมถึงบริการการจดแจ้งอย. สคบ. ออกแบบและผลิตแพคเกจจิ้ง และทาง THE ONE เรายังการันตีคุณภาพสินค้าด้วยโลโก้ Check แล้วใช่ ว่าสินค้ามีคุณภาพจริงด้วยเครดิตในวงการ25ปี ของ คุณเคนโด้  ทำให้การเป็นเจ้าของแบรนด์ง่ายและประสบความสำเร็จไวขึ้น


ด้วยบุคลากรตัวจริงในวงการนอกจาก เคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ผู้ประกาศและพิธีกรชื่อดัง ยังมี อาจารย์บีว สกล พณิชย์เสรีวงษ์ ที่ปรึกษาธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี

ประสบการณ์กว่า 25 ปีด้านการตลาดและการขายในธุรกิจความงาม และสุขภาพ

- ประสบการณ์ในระดับ Top Management ของแบรนด์ Mistine

- ประสบการณ์ Assistant Managing Director บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)

- Co Founder of PROMAI Business School โรงเรียนสอนทำธุรกิจออนไลน์

- CEO and Founder of BEAU SUPERDEAL

- ที่ปรึกษาธุรกิจเอสเอ็มอี และการสร้างแบรนด์สินค้าใหม่

- นักการตลาดดิจิทัล โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)

- ครีเอเตอร์ สายการศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ TikTok Community Thailand

งานนี้สั่นสะเทือนวงการสกินแคร์และอาหารเสริมแน่นอน ด้วยวิสัยทัศน์ของ THE ONE ที่1แห่งคุณภาพสินค้าและการสร้างแบรนด์ ครบ จบ ที่ THE ONE การเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด เพราะเรามุ่งมั่นที่จะทำให้คุณเป็นที่1 ในวงการ


สนใจได้รับสิทธิพิเศษในการผลิตและสร้างแบรนด์ ติดต่อ 

095-161-4561

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

บพข.-ม.รามคำแหง ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่าจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา การท่องเที่ยวเกาะเต่าอย่างยั่งยืน และพัฒนากรอบการวิจัยแบบมีส่วนร่วม

บพข.-ม.รามคำแหง ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่าจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา   การท่องเที่ยวเกาะเต่าอย่างยั่งยืน และพัฒนากรอบการวิจัยแบบมีส่วนร่วม


ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และประธานอนุกรรมการแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้อำนวยการแผนงานการวิจัยการท่องเที่ยวบนฐานมรดกธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ บพข. และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมดำเนินงานกับคุณรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า คุณวัชรินทร์ ฟ้าสิริพร นายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า และคุณศิราณี อนันตเมฆ ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน เกาะสุมย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะเต่าอย่างยั่งยืน และพัฒนากรอบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2567 ณ ศาลาปันรักษ์ แบนไดฟ์วิ่ง  รีสอร์ต เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช บรรยายเกี่ยวกับบทบาท บพข. ในการผลักดันการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะทิศทางการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นความยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับการท่องเที่ยวให้รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) พร้อมกับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้อำนวยการชุดแผนงานการวิจัยการท่องเที่ยวบนฐานมรดกธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ บพข. นำเสนอการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มุ่งสู่การท่องเที่ยวปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) และการท่องเที่ยวธรรมชาติเชิงบวก (Nature Positive Tourism) พร้อมทั้งแนะนำมาตรฐานการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทยสำหรับรองรับแนวโน้มตลาดการท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาโลกร้อนและสิ่งแวดล้อม


ผศ.ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอหัวข้อเกาะด่านหน้า กับ วิกฤตโลกรวน..ถ้าไม่สะดุ้ง อาจมีสะอื้น เพื่อชี้ให้เห็นความสำคัญของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่ทุกภาคส่วนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวยั่งยืน วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอการประเมินคุณค่าเกาะเต่า วัดระดับมาตรวัดมาตรฐานท่องเที่ยวยั่งยืนโลก เพื่อผลักดันให้การท่องเที่ยวเกาะเต่ามีความยั่งยืน ผศ.ดร.กิติชัย รัตนะ อาจารย์ประจำภาควิชาอนุรักษวิทยา  คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำเสนอกรอบคิดและกลยุทธ์ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเกาะเต่าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2567 – 2570 คุณรัฎดา ลาภหนุน นักบูรณาการงานอนุรักษ์เพื่อการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน คุณวัชรินทร์ ฟ้าสิริพร และคุณไชยันต์ ธุระสุล อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า และคณะ ร่วมกับผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลากหลายองค์กรในการทบทวนแผน ปฏิญญา ข้อตกลงและกลไกขับเคลื่อน  เพื่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ทะเลและชายฝั่งของเกาะเต่าในรอบ 20 ปี คุณศิราณี อนันตเมฆ นำเสนอธุรกิจท่องเที่ยวเกาะ: สร้างคุณค่าเพื่อเพิ่มมูลค่าเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน 


การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อกำหนดและทบทวนวิสัยทัศน์ “เกาะเต่า บ้านเรา น่าอยู่ น่าเที่ยว ยั่งยืน” ด้วยความร่วมมือของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต ที่พัก ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ตำรวจ โรงพยาบาลเกาะเต่า อสม. กลุ่มสตรี กู้ภัย  กลุ่มกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ศิลปะ ดนตรี และเทศกาล กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เครือข่ายเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาวะและวิถีชีวิตที่ยั่งยืน กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง (ชมรมประมงพื้นบ้านเกาะเต่า ชมรมครูดำน้ำไทยเกาะเต่า) กลุ่มธุรกิจให้บริการด้านการเดินทางและคมนาคมขนส่ง กลุ่มการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน ขยะ น้ำเสียและสิ่งปฏิกูล 

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ จัดพิธีมอบโล่เกียรติคุณ และทุนการศึกษาแก่เยาวชนดีเด่น เนื่องในโอกาสวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2567



คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่  20 กันยายน  ของทุกปีเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ  เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ  ของพระมหากษัตริย์ไทยในพระบรมราชจักรีวงศ์  สองพระองค์  คือ  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ที่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ตั้งแต่ยังทรงเป็นยุวกษัตริย์  จึงถือเป็นวันสิริมงคลแก่การพัฒนาเยาวชนแห่งชาติ              



สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์  ได้ดำเนินการคัดเลือกเด็กดีเด่นตั้งแต่ พ.ศ.  2533  และเยาวชนดีเด่นตั้งแต่  พ.ศ.  2530  ตามหลักเกณฑ์ที่ดีและเหมาะสม  อันเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนทั่วไป  และมอบโล่เกียรติคุณ  เกียรติบัตร เข็มเกียรติคุณ  และทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนดีเด่น เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเด็กและเยาวชนที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี  รวมทั้งการฝึกอบรมเพื่อเสริมศักยภาพทักษะชีวิต องค์ความรู้  และประสบการณ์ให้แก่เด็กและเยาวชน  อันเป็นพลังสำคัญเพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเอง  สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน   

         



สภาสังคมสงเคราะห์ฯกำหนดจัดพิธีมอบโล่เกียรติคุณและทุนการศึกษาแก่เยาวชนดีเด่นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 สภาสังคมสงเคราะห์ฯ เนื่องในงานวันเยาวชนแห่งชาติ  ประจำปี 2567 โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส   โนนุช  ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  เป็นประธานในพิธี  ในวันศุกร์ที่
20 กันยายน
2567 เวลา 10.00 .  ณ ห้องประชุมชั้น 3  ตึกนวมหาราช  สภาสังคมสงเคราะห์ฯ  ถนนราชวิถี  เขตราชเทวี  กรุงเทพฯ  



ททท. จัดงาน อะ’ลอง Uttaradit เปิดมุมมองใหม่จังหวัดอุตรดิตถ์ให้เป็นเมืองน่าลอง ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ วันที่ 20-22 กันยายนนี้

                                       

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์ (อะ’ลอง Uttaradit) ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2567 เวลา 15.00-21.00 น. ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ พาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวอุตรดิตถ์ ผ่าน 4 ประสบการณ์ ได้แก่ อะ’ลอง กิน, อะ’ลอง ดู, อะ’ลอง ทำ, อะ’ลอง Time พร้อมชวนเที่ยวอุตรดิตถ์เมืองน่าลองไปเที่ยว โดยพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด ในวันที่ 20 กันยายน 2567 ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ 

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยด้วยนโยบาย "IGNITE THAILAND’s TOURISM" โดยมีกลยุทธ์เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทย ทั้งนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว โดยมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ กิจกรรม รวมถึงศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่มุมของความสร้างสรรค์ โดยจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ร่วมกับศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ Thailand Creative & Design Center (TCDC) ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือเรื่องโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (NEW TCDC) ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นได้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด ตลอดจนเป็นการยกระดับมาตรฐานการเชื่อมโยงภาคส่วนธุรกิจให้เข้าใกล้ชุมชนได้มากขึ้น อันจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนของภาคส่วนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมภาพลักษณ์อัตลักษณ์ของพื้นที่ ตลอดจนการพัฒนายกระดับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวมูลค่าสูง และนำเสนอมุมมองใหม่ในแง่ของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Tourism and the Creative Economy) ดังนั้น การจัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) ในครั้งนี้ จึงอยากจะนำเสนอมุมมองที่น่าสนใจในแง่ต่าง ๆ ของอุตรดิตถ์ผ่านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับกิจกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างการรับรู้แบบใหม่และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังจังหวัด

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การจัดงาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) เป็นการสร้างการรับรู้กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมนันทนาการทางการท่องเที่ยว ด้วยแนวคิดเสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) 5 Must Do in Thailand นำเสนอเสน่ห์ไทย Must Taste : อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นทั่วไทย Must See : ละลานตา วัฒนธรรมไทย Must Seek : Unseen ถิ่นน่าเที่ยว Must Buy : หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก และ Must Try :  สุดยอดกีฬา ท้าทายกายใจ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และต่อยอดกระแสการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเรียนรู้ ประสบการณ์ที่แตกต่างในการเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ไปสัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์ กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม หัตถศิลป์ สถาปัตยกรรม ด้านอาหาร เครื่องแต่งกาย และสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงค้นพบความสร้างสรรค์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่ง ททท. พร้อมต่อยอดส่งเสริมภาพลักษณ์ผ่านกลยุทธ์เสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) 5 Must Do @Uttaradit ยกระดับสินค้าและบริการทางท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ สินค้า GI  ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของชุมชนมาต่อยอดผ่านการเล่าเรื่องประสบการณ์ฯ เพื่อส่งต่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายผู้มีศักยภาพในการเดินทางสู่จังหวัดอุตรดิตถ์


“งาน อะ ’ลอง Uttaradit จะเปลี่ยนความคิดที่ว่า “อุตรดิตถ์เป็นเมืองรอง” ให้กลายเป็นเมืองน่าลอง โดยการหยิบเอาวัฒนธรรม อาหาร ศิลปะ และเรื่องราวจากเจ้าของพื้นที่มาถ่ายทอดอย่างสร้างสรรค์และเข้าถึงได้ง่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลองสัมผัสวิถีอุตรดิตถ์แบบแท้ ๆ ผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น อะ’ลอง กิน : กับขันโตก น่าแล ที่รวมอาหารพื้นเมืองภาคเหนือ อีกทั้งของกินห้ามพลาดในอุตรดิตถ์ เช่น ข้าวพันผัก, ไส้กรอกใหญ่รสเด็ดพิชัย, หมี่พันลับแล อะ’ลอง ดู : การแสดงดนตรีสด, นิทรรศการศิลปะในโซน Art-taradit Creative Space และ วิดีโอคอนเทนต์ที่จะพาท่องเที่ยวอุตรดิตถ์ในมุมที่คิดไม่ถึงผ่าน 3 Influencer ชื่อดัง อะ’ลอง ทำ : Painting Workshop ระบายสีโปสการ์ดและจานดินเผา ที่นำเสนอความสร้างสรรค์แบบอุตรดิตถ์ ด้วยลายเส้นเฉพาะตัวจากมามะอาร์ตสเปซ อะ’ลอง Time : ชวนทุกคนมา ‘Take a ลอง time ใช้เวลาอีกนิด รู้จักอุตรดิตถ์ให้มากขึ้น’ เพลิดเพลินไปกับโซนต่าง ๆ ภายในงาน ที่แฝงไปด้วยอัตลักษณ์ของอุตรดิตถ์ พบกับร้านตลาดสินค้าสร้างสรรค์ ที่พาชาวเมืองอุตรดิตถ์มาเปิดหมู่บ้าน มัดรวมของดี ของเด็ดประจำจังหวัด อาทิ งานคราฟต์ อาหาร สินค้าท้องถิ่น ให้ทุกคนได้ ชม-ชิม-ช้อป และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่ชวนให้นักท่องเที่ยวมาลองใช้เวลาที่งาน “อุตรดิตถ์เมืองสร้างสรรค์” (อะ’ลอง Uttaradit) ในวันที่ 20-22 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 15:00-21:00 น. ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1672 Travel Buddy และศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ 065 525 4962




วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567

“ศุภมาส” รัฐมนตรี อว. มอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์นักวิจัยไทยที่คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติ และแสดงความยินดีที่นักประดิษฐ์นักวิจัยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

                                       



วันที่ 16 กันยายน 2567 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดี แก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติ (Internationally Outstanding Inventors Awards Ceremony) โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ พร้อมทั้งกล่าวแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลฯ 

                                        

โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ซึ่งมีผู้บริหารหน่วยงานจากหน่วยงานต่าง ๆ นักประดิษฐ์ และนักวิจัยเข้าร่วม ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก วิภาวดี 

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติ โดย วช. ได้จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดี แก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติ (Internationally Outstanding Inventors Awards Ceremony)ในวันนี้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมสู่เวทีระดับนานาชาติ เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนให้นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์กับนักประดิษฐ์และนักวิจัยจากนานาประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ผลงานและแสดงศักยภาพในการประดิษฐ์คิดค้นของคนไทย ต่อสายตาชาวโลก ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างประเทศ ทำให้ไทยได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในเวทีระดับนานาชาติ ซึ่ง วช. ได้ทำหน้าที่สนับสนุนโครงการส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมสู่เวทีระดับนานาชาติมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี โดยทำหน้าที่เสนอชื่อและคัดเลือกผลงานจากประเทศไทยสู่เวทีการประกวดแข่งขันและจัดแสดงในเวทีระดับนานาชาติ และขอขอบคุณสถาบันการศึกษาทั้งในระดับอุดมศึกษา มัธยมศึกษา หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ที่ได้ให้ความร่วมมือนับเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสู่การพัฒนาประเทศไทย สร้างความเข้มแข็ง และร่วมกันพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนต่อไป

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า พิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดี แก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติ (Internationally Outstanding Inventors Awards Ceremony) ที่จัดขึ้น มีวัตถุประสงค์ในการแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์นักวิจัยไทยในการสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย พร้อมทั้ง สร้างแรงจูงใจให้แก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ในการสร้างสรรค์ประดิษฐกรรมและนวัตกรรมที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง  วช.ได้ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้นักประดิษฐ์นักวิจัยไทย พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลงาน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ โดยกลไกในการแข่งขันและประกวดในเวทีนานาติ ได้สร้างแรงกระตุ้นในการพัฒนาคุณภาพผลงานประดิษฐ์คิดค้น นวัตกรรม และผลงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยวช.ได้รับการประสานงานและได้รับมอบหมาย จากองค์กรด้านการประดิษฐ์คิดค้นจากนานาประเทศ อาทิ International Federation of Inventors' Associations หรือ IFIA , World Invention Intellectual Property associations หรือ WIIPA , Korea Invention Promotion Association หรือ KIPA เป็นต้น ในการนำผลงานประดิษฐกรรมและนวัตกรรมจากประเทศไทยเข้าร่วมประกวดแข่งขันและจัดแสดงในเวทีนานาชาติ พร้อมกันนี้ จากกลไกคุณภาพในการดำเนินงานและมาตรฐานของผลงานของไทย นานาประเทศได้ตอบรับการนำผลงานเข้าร่วมเวทีการประกวดและแข่งขันระดับนานาชาติของประเทศไทยเช่นเดียวกันพิธีมอบประกาศนียบัตรฯ ในครั้งนี้ เป็นผลสำเร็จของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่ระดับสากล ซึ่งเป็นความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา นอกจากนี้ เป็นการกระตุ้นให้มีการยกระดับศักยภาพมาตรฐานของประเทศไทยในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม  และส่งเสริมให้เกิดการนำประดิษฐกรรม นวัตกรรมและผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ






โดยในปีนี้ นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่สามารถคว้ารางวัลจากการประกวด รวมจำนวนทั้งสิ้น 385 ผลงาน จาก 7 เวทีระดับนานาชาติ ประกอบด้วยเวที

1.เวที "The 49th International Exhibition of Inventions Geneva" ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส 

2.เวที "The 35th International Invention, Innovation & Technology Exhibition" (ITEX 2024) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย  

3.เวที “The 17th International Invention and Innovation Show” (INTARG 2024) ณ เมืองคาโตไวซ์ สาธารณรัฐโปแลนด์ 

4.เวที “The 7th China (Shanghai) International Invention & Innovation Expo 2024” ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน 

5.เวที “Japan Design, Idea and Invention Expo” (JDIE 2024) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

6.เวที  "WorldInventTM Singapore 2024″ (WoSG) ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ 

7.เวที “Indonesia Inventors Day 2024” (IID 2024) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย








วช. และภาคีเครือข่ายวิจัย “สู้ภัย น้ำท่วม ร่วมใจ เยียวยา ฟื้นฟู ด้วยวิจัยและนวัตกรรม”

 

วันที่ 16 กันยายน 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดแถลงนโยบายการขับเคลื่อนแผนงานมุ่งเป้าด้านการบริหารจัดการน้ำ และ เสวนา “สู้ภัย น้ำท่วม ร่วมใจ เยียวยา ฟื้นฟู ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม ซึ่งมี ศ. ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้แถลงนโยบายการขับเคลื่อนแผนงานมุ่งเป้าด้านการบริหารจัดการน้ำ และได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำร่วมเสวนาในครั้งนี้ พร้อมทั้งผู้บริหาร วช. และ สกสว. เข้าร่วมงานฯ ณ ศูนย์สารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาคาร วช. 8

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน ที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายจังหวัดในภาคเหนือ วช. ได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงานตามนโยบายของความสำคัญของการดำเนินงานตามนโยบายของ อว. ในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาติดตาม เฝ้าระวัง การบริหาร และประเมินเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการภาวะอุทกภัย โดยเชื่อมโยงกับหน่วยงานหลักที่มีภารกิจในการบริหารจัดการน้ำ และหลายหน่วยงานใน อว. ได้ลงพื้นที่เพื่อบรรเทาผลจากอุทกภัย และได้มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง

 

โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. ร่วมกัน ซึ่งงานเสวนาเรื่อง “สู้ภัย น้ำท่วม ร่วมใจ เยียวยา ฟื้นฟู ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” เป็นกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อเป็นเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้สื่อสาร และแลกเปลี่ยนการทำงานการวิจัยและนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการทำงานต่อเนื่องในการลดความเสี่ยง และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ซึ่งยังคงต้องการการสนับสนุนของหลายภาคส่วน

ศ. ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวถึง การขับเคลื่อนแผนงานเป้าหมายของคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ซึ่งแผนงานด้านการบริหารจัดการน้ำ เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญจากจำนวน 11 เป้าหมายสำคัญ ของ กสว. ซึ่งภัยพิบัติทางน้ำที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมจนถึงกันยายนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มไปถึงเดือนตุลาคม เป็นผลกระทบมาจากไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากกว่าในอดีต โดยแผนงานด้านการบริหารจัดการน้ำประกอบด้วย keyword สำคัญ คือ ไม่ท่วม ไม่แล้ง มีน้ำดีใช้ ไม่มีน้ำเสีย กสว. จึงวางกลไกจัดการ ป้องกัน และช่วยเหลือปัญหาจากอุทกภัย ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ในการนำงานวิจัยที่สำเร็จแล้วไปใช้ทันทีในภาวะฉุกเฉินเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน รวมถึงการฟื้นฟูโดยมีมหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นศูนย์กลางในการกระจายความช่วยเหลือ ระยะกลาง และระยะยาวคือการคาดการณ์เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนและขับเคลื่อนภาควิชาการ การวิจัยและนวัตกรรมมีประโยชน์ต่อประเทศ สามารถนำไปใช้ได้จริง และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงประชากร การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การใช้ทรัพยากร

หลังการแถลงนโยบายการขับเคลื่อนแผนงานมุ่งเป้าด้านการบริหารจัดการน้ำ ยังมีการเสวนาเรื่อง “สู้ภัย น้ำท่วม ร่วมใจ เยียวยา ฟื้นฟู ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ เป็นการแสดงข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมที่นำไปใช้ในการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงแนวทางการแก้ไข ฟื้นฟู และป้องกันผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย

โดยได้รับเกียรติจาก รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานแผนงานการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย ด้านบริหารจัดการน้ำ วช. เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ซึ่งผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึง “แนวโน้มสถานการณ์พายุและฝน จากแบบจำลองอากาศ” ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังมีร่องความกดอากาศต่ำที่ทำให้ฝนตกอยู่ และจากข้อมูลมีโอกาสร้อยละ 10 ที่จะมีพายุไต้ฝุ่นเข้าประเทศไทยช่วงปลายเดือนกันยายน และ ต้นเดือนตุลาคม อีก ซึ่งไม่รุนแรงเท่าซุปเปอร์ไตฝุ่นนางิ จะในการคาดการณ์ของสถานการณ์จะต้องปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่ร่วมด้วยผศ. ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “การประยุกต์ใช้เทคนิคประมาณน้ำท่า” กล่าวถึงสถานการณ์น้ำของบริเวณเชียงรายน่าจะขึ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันเล็กน้อยและจะลดลงตามลำดับ ในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาน้ำจะขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และให้ติดตามสภาพพายุไต้ฝุ่นจากทะเลจีนใต้อย่างใกล้ชิด

ผศ. ดร.พงษ์ศักดิ์ สุทธินนท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยให้ข้อมูล “การประมาณความเสียหายจากน้ำท่วม จากภาพถ่ายดาวเทียม” ชี้ประเด็น ข้อมูลจากดาวเทียมเหมาะที่จะนำมาใช้ในการวางแผน ร่วมกับข้อมูลจากกรมการปกครองเพื่อจัดลำดับในการช่วยเหลือ โดยแบ่งปันข้อมูลร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้การดำเนินงานตรงจุด (สามารถแบ่งประเภท อายุ พื้นที่ได้จากระบบที่พัฒนาขึ้น)

ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน นำเสนอ “มาตรการการบริหารจัดการน้ำ และการป้องกันน้ำท่วม” ที่กรมชลประทานใช้ผลจากการคาดการณ์ปริมาณฝนในการวางแผนบริหารจัดการแหล่งกักเก็บน้ำ โดยการพร่องน้ำเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ รวมถึงใช้เทคนิคการสร้างคันป้องน้ำเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ในเขตอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเทคนิคที่ลงทุนน้อย แต่ระบายน้ำได้มาก ซึ่งสถานการณ์โดยสรุปในส่วนของเชียงรายละมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ในส่วนหนองคายซึ่งเขื่อนชัยบุรีลดการระบายน้ำจะทำให้ระดับน้ำลดลง และในส่วนภาคกลางถือว่าอยู่ในระดับปกติ ทั้งนี้ต้องประเมินสถานการณ์ฝนขณะนี้ และพายุไต้ฝุ่นช่วงปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม ซึ่งแก้มลิงในส่วนของทุ่งบางระกำและบางบาลยังสามารถรองรับได้
และปิดท้ายด้วย รศ. ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และประธานมูลนิธิมดชนะภัย กล่าวถึง “การเยียวยา ฟื้นฟูหลังประสบภัย” โดยยกตัวอย่างการดำเนินงานในพื้นที่ประสบภัยของมูลนิธิมดชนะภัยทั้งในเหตุการณ์ดินถล่ม และแผ่นดินไหว ซึ่งพื้นที่ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญคือพื้นที่ทับซ้อนที่ยังยากต่อการบริหารจัดการ รวมถึงเทคโนโลยีที่นำไปใช้หลัก ๆ จะต้องง่ายต่อการบำรุงรักษา ระยะยาวต้องมีนโยบายและการออกกมสนับสนุนเพื่อการขับเคลื่อนที่เป็นทางการ

ทั้งนี้ วช. ได้ดำเนินการตามนโยบายของ อว. ในการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมกับ อว. ส่วนหน้า เพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปช่วยภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ได้รับผลกระทบได้อย่างทันท่วงที

คนดูทะลุ 2 แสน! ย้อนรอยบอลเดินสาย 9Up Arena สุดสนุก

คนดูทะลุ 2 แสน! ย้อนรอยบอลเดินสาย 9Up Arena สุดสนุก แฟนคลับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และผู้สนับสนุนหลักในเอเชียร่วมกันสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลเดิ...